“พรรคก้าวไกล” เงียบเป็นเป่าสากมากกว่า 6 – 7 เดือนเรื่องคนชั้น 14 จนกระทั่ง “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีขวัญใจมหาชนคนเสื้อแดงทั่วประเทศ ได้รับการพักโทษตามกระบวนการยุติธรรมและหลักเกณฑ์กรมราชทัณฑ์ได้รับการพักโทษมาอยู่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ยิ่งได้เห็นบรรดาแกนนำ “พรรคเพื่อไทย” และนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลต่างพากันยินดี ยกเว้น “พรรคก้าวไกล” เท่านั้นที่แสดงอาการดิ้นพล่านเหมือนโดนข้าวสารเสกต่างพากันออกมาแซะแขวะ “อดีตนายกฯ” กันเป็พรวน
อาการดิ้นพล่านของตัวท็อปแห่ง “พรรคก้าวไกล” อาจจะเป็นเพราะหวาดผวา เมื่อ “นายทักษิณ” ได้รับอิสรภาพแล้ว จะทำให้ “พรรคเพื่อไทย” แข็งแกร่งขึ้น ย่อมบั่นทอนกระแสด้อมส้มฟีเวอร์ให้ฝ่อลงไปเรื่อย ๆ สะเทือนเรตติ้ง “พรรคก้าวไกล” ให้ตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ หรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า การเมืองหลังจากนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วระหว่าง “ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่” ที่มี “พรรคเพื่อไทย” กับพรรคร่วมรัฐบาลนำทัพสู้ศึก กับ “ฝ่ายเสรีนิยมสุดโต่ง” ที่มี “พรรคก้าวไกล” โดดเดี่ยวอยู่พรรคเดียวในรัฐสภา
ยิ่งได้เห็นภาพบรรยากาศคนเสื้อแดงคึกคักดีใจกันทั้งประเทศพร้อมให้การต้อนรับ “นายกฯในดวงใจคนเสื้อแดง” ได้กลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ยิ่งเป็นภาพเสียดแทง “พรรคก้าวไกล” ทะลุไปถึงหัวใจ เพราะในอดีตก่อนจัดตั้งรัฐบาล “พรรคก้าวไกล” กับ “พรรคเพื่อไทย” เคยญาติดีกันมาก่อน แต่มาวันนี้กลับกลายเป็นคู่ปรับทางการเมือง เพราะมีจุดยืนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แตกต่างกันสุดขั้ว
อาการดิ้นพล่าน เริ่มที่ “นายชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ล็อคเป้าถล่มกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐานเอื้ออำนวยอภิสิทธิ์ แถมตั้งฉายา “ระบบนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน” พร้อมระบุข้อความว่า ขณะที่สังคมคาดหวังว่าเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ จะทำให้สังคมเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบประชาธิปไตยที่ดี มีการอำนวยความยุติธรรมให้กับคนมากขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ตอกย้ำปัญหาเดิมๆ ให้หนักหน่วงมากขึ้น ส่วนการออกมาของ “นายทักษิณ” จะส่งผลให้คะแนนนิยมพรรคก้าวไกล ลดลงหรือไม่ “นายชัยธวัช” กลับตอบว่า เป็นคนละเรื่องกัน เพราะความนิยมของพรรคก้าวไกล ขึ้นอยู่กับการทำงานของพรรคเอง ว่าจะทำงานได้อย่างที่ประชาชนคาดหวังหรือไม่
นอกจากนี้ “พรรคก้าวไกล” ออกแถลงการณ์ประกาศจุดยืน ว่า สังคมไทยต้องไม่มีนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน หากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่ “คุณทักษิณ” ในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งหรือการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง แนวทางในการดำเนินการต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐาน ของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่ง ได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย แต่รัฐบาลต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน
ขณะที่ “รังสิมันต์ โรม” ตัวท็อปแห่งพรรคก้าวไกล ออกมาจับโป๊ะภาพ “นายทักษิณ” ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ มโนไปไกลว่า ป่วยทิพย์ ด้วยการให้ความเห็นว่า การใส่เฝือก หรือดามคอเท่านั้น หลายคนก็ตั้ง ข้อสังเกตว่า มีการดูแลปรนนิบัติเป็นอย่างดี แม้กระทั่งการตัดผม ทำให้คนในสังคมเกิดความรู้สึกว่า การที่ “นายทักษิณ” ไปรักษาตัว เอาเข้าจริงกลายเป็นสิทธิพิเศษ สิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้กันกระบวนการยุติธรรมก็ถูกทำลายลง
ยิ่งการกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าของ “นายทักษิณ” เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี กระเทือนซาง “นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ตัวแม่ด้อมส้ม ชักดิ้นชักงอยิ่งกว่าใครใน “พรรคก้าวไกล” จึงปรี๊ดแตกโพสต์เฟสบุ๊ก ระบุว่า ปลอกคอปลอกแขนแสดงออกเชิงสัญญลักษณ์ ? ทักษิณกลับบ้าน อย่างไรก็ตามก่อนหน้า “นางอมรัตน์” ยังเคยได้โพสต์ข้อความเชิงเหน็บแนมว่า “พี่น้องครับ ถ้าเสียงปืนแตกนัดแรกเมื่อไร ผมจะกลับมานำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพเอง” กูรู้สึกโดนหลอกมาชั่วชีวิต และได้แชร์โพสต์ข่าวการต้อนรับกลับบ้านของนายทักษิณ แล้วเขียนข้อความว่า ดิฉันน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดกับข่าวอภิสิทธิ์ชนของสังคมนี้ เมื่อไหร่ # อานนท์ นำภา และคนอื่น ๆ ที่แค่คิดต่างจะได้กลับบ้าน ยุติธรรมไม่มีสามัคคีไม่เกิด #ทักษิณ รวมถึงเมื่อวานนี้ “นางอมรัตน์” เขียนข้อความและได้แท็ก “นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถามว่ากี่โมง ที่กล่าวว่า นักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ถูกกล่าวหาในคดีความทางการเมือง จากความคิดเห็นและความเชื่อที่แตกต่าง ต้องได้รับการประกันตัว และการพิจารณาคดีอย่างเที่ยงธรรม
#ทักษิณ ชินวัตร #บ้านจันทร์ส่องหล้า #พรรคเพื่อไทย #พรรคก้าวไกล #ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่ #ฝ่ายเสรีนิยมสุดโต่ง
/-/-/