“ภูมิธรรม” ขอสังคมอย่ากังวล “ทักษิณ” ครอบงำรัฐบาล ย้ำนายกฯมีแค่คนเดียว

รองนายกฯกล่าวว่า นายทักษิณจากบ้านไป 17 ปี ออกจากประเทศเนื่องจากกระบวนการที่มีปัญหาผิดจากรัฐธรรมนูญและเกิดการรัฐประหาร รวมถึงมีการตั้งคณะทำงานมาพิจารณาข้อกล่าวหาต่างๆ ไปในทางเดียว เมื่อเวลาผ่านไปนายทักษิณอายุมากขึ้นและอยากกลับมาอยู่กับครอบครัวจึงเข้ามาอย่างเปิดเผยและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามปกติ ทุกสิ่งจึงอยู่ในกระบวนการยุติธรรมและบรรยากาศก็คลี่คลายตามที่ปรากฏภาพนายทักษิณนั่งอยู่ริมสระน้ำในบ้าน

จากคนที่อยู่ในห้องและภายในที่ควบคุมตัว การได้ออกมาภายนอกสูดอิสรภาพจึงเป็นเรื่องธรรมดา การกลับมาครั้งนี้มาด้วยพลังแห่งความรักครอบครัวของครอบครัวและบุคคลที่เคารพ จึงควรปล่อยให้ได้อยู่กับครอบครัวในบ้านของตัวเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะมีความเข้มแข็งขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า พรรคเพื่อไทย เข้มแข็งบนฐานที่เอาใจใส่ประชาชน พรรคแข่งกับตัวเอง ความเข้มแข็งจึงไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง นอกจากใครที่กังวล หรือไม่สบายใจต่อการเติบโตและมีความเข้มแข็งของพรรคเพื่อไทย อาจคับข้องใจบ้าง

เมื่อถามย้ำถึงข้อสังเกตว่านายทักษิณอาจไม่ได้ป่วยจริง นายภูมิธรรมกล่าวย้อนว่า ไม่ป่วยจริงอย่างไร ที่ใส่พยุงแขนเพราะเส้นเอ็นหัวไหล่ขาด ตนเคยเป็น เคยผ่าตัดจึงเข้าใจใช้เวลาพักฟื้นนาน และจะเกิดได้กับคนอายุมาก 70 ปีเป็นธรรมดา ขอให้กำลังใจคนที่เจ็บป่วยบ้าง อย่าไปมองว่าเขาสร้างภาพ ถ้าเกิดกับเด็ก 10 ขวบ แล้วไปห้อยแขน สวมดามคอถือว่าผิดปกติได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะได้เห็นนายทักษิณมาช่วยงานรัฐบาลนี้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า นายทักษิณตัดสินใจจะอยู่กับครอบครัว และเคยบอกว่าถ้าสิ่งใดเห็นว่าเป็นประโยชน์จะออกมาแสดงความคิดเห็น หรือขึ้นอยู่กับว่าใครจะรับฟังและนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ในฐานะที่นายทักษิณเป็นผู้มีประสบการณ์อย่างน้อยสังคมก็ยอมรับว่ารัฐบาลของท่านเคยแก้วิกฤตการณ์สำคัญหลายเรื่อง เช่น ไข้หวัดนก หนี้ไอเอ็มเอฟ และเป็นเรื่องธรรมดาถ้าจะออกมาให้ความคิดเห็นเมื่อประเทศเกิดวิกฤต

“อย่าไปกังวลเรื่องการเสนอความคิดเห็น และขออย่าไปผูกกับประเด็นการเมืองว่าจะครอบงำ หรือมีนายกฯ 2 คน อย่ากังวล รัฐบาลจะตั้งใจทำงานให้ดี” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะไปถามความเห็นเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดกับนายทักษิณที่เคยแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวประสบความสำเร็จมาแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เวลานี้รัฐบาลพยายามแก้ปัญหายาเสพติด โดยประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เรื่องนี้มีหลายความเห็น ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาดรัฐบาลต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสม ทั้งหลักมนุษยธรรมและเสรีภาพ ระวังไม่ให้มีสิ่งแทรกซ้อนว่ารัฐบาลใช้อำนาจตัดตอน

และในทางปฏิบัติการแก้ปัญหายาเสพติดจะต้องระมัดระวัง ไม่ให้การจัดการอย่างเด็ดขาดของรัฐบาลไปกระทบกับความรู้สึก และต้องถามกลับว่าอยากให้รัฐบาลจัดการเด็ดขาดหรือไม่ และจัดการแบบใด เรื่องนี้ต้องพูดคุยให้เกิดสมดุล