กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองขึ้นมาระหว่าง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ “บิ๊กป๊อด” หรือ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ปมข้อพิพาท “จุดหมุดนิรนาม ส.ป.ก.” รุกเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ฝ่าย “ร.อ.ธรรมนัส” ต้องการออกเอกสารสิทธิ์เพื่อแจกเกษตรกรได้มีที่ดินทำกินเพื่อเอาใจหาเสียงคนจน ขณะที่ “บิ๊กป๊อด” ต้องการปกป้องผืนป่าที่นับวันจะร่อยหรอลงไปทุกวันจากการน้ำมือนายทุนรุกป่า อาทิ กรณี คดีสะท้านป่า “ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ” รุกป่าจังหวัดราชบุรี เป็นต้น
ขนาด “ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี” อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตบิ๊กข้าราชการกระทรวง ทส. เคยนั่งหัวโต๊ะคุกกรมสำคัญเกรดเอมากมาย อาทิ อธิบดีกรมป่าไม้ , อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และเลขาธิการ สปก. ยังออกมาโหนกระแส พร้อมชี้ทางออกของปัญหาดังกล่าวว่า “ถ้าหากสอบกันไป อาจมีคนผิดมาตรา157 ฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชการ รังวัดที่ดินทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งก็เคยมีกรณีมาแล้วทางใต้ถึงขั้นไล่ออกกันเลย ส่วนฝ่ายการเมืองก็อย่ายุ่ง หากยุ่งไปแล้วก็ให้ถอยเสีย เพราะเดี๋ยวจะเจ็บตัวนะครับ”
“ดร.ปลอดประสพ” ยังโชว์กึ๋นต่อว่า ปฐมเหตุสปก.4-01 เกิดขึ้นโดยรัฐมนตรีเกษตรฯ ได้สั่งการให้กรมป่าไม้มอบพื้นป่าเสื่อมโทรมให้ สปก.เพื่อออก สปก.4-01 กรมป่าไม้จำเป็นต้องมอบพื้นที่ป่าให้สปก.แต่มีเงื่อนไข “ป่าไม้ที่มีสภาพป่าและพื้นที่ต้นน้ำให้ สปก.คืนป่าและปลูกป่าทดแทนคืนให้กรมป่าไม้”(บันทึกน่าจะอยู่ที่กรมป่าไม้) จนมีเหตุการณ์คดี สปก.4-01อันโด่งดังครับ
ต่อมาช่วง ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ได้มีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาแนวเขตอุทยานแห่งชาติให้ชัดเจนจึงได้คิดโครงการทำถนนเเนวเขตอุทยานแห่งชาติประกอบกับท่านรัฐมนตรีเกษตรฯ ท่านปองพล อดิเรกสาร(ขออนุญาตที่เขียนถึงท่าน)ได้เรียกท่านอธิบดีปลอดประสพ ฯไปพบเพื่อให้กำหนดพื้นที่ป่าเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวปัจจุบันเป็นอุทยานแห่งชาติแล้ว ท่านอธิบดีปลอดได้หารือเรื่องนี้กับท่านรัฐมนตรีฯ ท่านเห็นด้วยและกลับมาทำโครงการทำถนนรอบแนวเขตอุทยานเขาใหญ่ จนแล้วเสร็จ
ช่วงผมทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานเขาใหญ่ จากการที่ได้เริ่มทำงานที่อุทยานแห่งชาติได้รับรู้ปัญหาอุปสรรคเรื่องแนวเขตอุทยานแห่งชาติต่างๆมาตลอด สำหรับอุทยานเขาใหญ่มีพื้นสำคัญรอบแนวเขตเขาใหญ่ที่เป็นป่าอันอุดมสมบูรณ์ จุดเด่นที่สำคัญอีกหลายแห่งที่ติดกับแนวเขตเขาใหญ่อาทิ เขาลูกช้างที่มีค้างคาวจำนวนมาก เขาแผงม้า ที่มีกระทิงจำนวนมาก จึงได้ทำการสำรวจรังวัดแนวเขตเขาใหญ่ใหม่โดยยึดแนวเขตเดิม เพิ่มพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว จุดเด่น ป่าที่สมบูรณ์ จนแล้วเสร็จ และได้นำเสนอให้ชุมชนที่มีส่วนได้เสียให้ความเห็นชอบแล้ว(เป็นผลงานน้องๆที่เป็นผู้ช่วยผมที่ทำได้สำเร็จ) เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่มีการดำเนินการต่อไป”
ขออธิบายเพิ่มเติมว่า แต่เดิมการประกาศ สปก.4-01จะไม่มีปัญหาเพราะจะมีพระราชกฤษฎีกาเป็นรายแปลง แต่มาภายหลังซึ่งรวมถึงกรณีเขาใหญ่และบริเวณวังน้ำเขียว จะใช้วิธีประกาศทั้งอำเภอหรือหลายอำเภอด้วยซ้ำไป ดังนั้น จึงต้องมีการสำรวจร่วมระหว่างกรมป่าไม้ (กรมอุทยานฯ)กับสปก.เสียก่อนจึงจะออกสปก.4-01 ให้ใครได้ ทั้งนี้รวมถึงการปักหมุดแสดงเขตสปก.ในเขตป่าไม้โดยไม่หารือกันก่อนทำไม่ได้ กรณีนี้ผมทำแนวเขตเป็นถนนให้แล้ว หมุดสปก.มันข้ามไปได้อย่างไร นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงกันอยู่ว่า หากยังเป็นป่าอยู่ ทางสปก.ก็ต้องคืนที่ให้กรมป้าไม้ ซึ่งในสมัยผมก็กระทำเป็นตัวอย่างไว้ แต่พวกคุณแกล้งทำเป็นไม่รู้
ผมดูแล้ว เรื่องนี้เด็กช่างรังวัด นิติกร และสปก.พื้นที่ทำโดยพละการ แถมชื่อคนได้ สปก.4-01ก็ดูแปลกๆมีซ้ำกัน คนที่ทำถูกต้องคือหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง) ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ (คุณชัยวัฒน์ ) และอธิบดีอส.(อรรถพล) ที่ยืนเคียงข้างลูกน้อง เรื่องนี้ถ้าหากสอบกันไป อาจมีคนผิดม.157 ฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชการ รังวัดที่ดินทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งก็เคยมีกรณีมาแล้วทางใต้ถึงขั้นไล่ออกกันเลย
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงที่มีคดีสะท้านป่า “คดีนายทุนตระกูลจึงฯ” รุกป่าของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร ประธานคณะก้าวหน้า รวมถึงที่ดินของ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ พี่สาวของนายธนาธร และที่ดินของนายธนาธรเอง รวมทั้งหมดครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่า 60 แปลง เนื้อที่กว่า 2 พันไร่ ใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี แต่คดียังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมกลายเป็นมหากาพย์ไปเสียแล้ว
คดีนายทุนรุกป่า หน้าที่หลักของหน่วยงานรัฐที่ต้องไปตามยึดคืน คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถิ่นเก่าของ “ดร.ปลอดประสพ” แต่ที่ผ่านมาไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้ โดยเฉพาะประเด็นการทวงคืนผืนป่า หรือ นำที่ดินเหล่านั้นมาแจกจ่ายให้กับคนจนที่ไม่มีที่ดินทำกิน คดีดังกล่าวเป็นที่เข้าใจกันว่า ผู้ถูกกล่าวหาว่ารุกป่า เป็นนายทุนมีอิทธิพลทางเมือง การเงินรวยล้นฟ้าและคุมสื่อไว้ในมือ ถึงว่า “ดร.ปลอดประสพ” จึงไม่กล้าออกมาวิจารณ์ “นายทุนพรรคส้ม” แม้แต่คำเดียว