logo

จี้”สตช.”ยกเครื่องกฎหมายถวายความปลอดภัย”ขบวนเสด็จฯ”

"ชัยชนะ เดชเดโช" เอาจริงจี้ "สตช."ยกเครื่องกฎหมายถวายความปลอดภัยสกัดแก๊งป่วน"ขบวนเสด็จฯ"ห้ามเฉียด

นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ เปิดเผยถึงคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย “ขบวนเสด็จฯ” โดยได้เชิญสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในส่วนกองบัญชาการที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ กำลังรอสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำสรุปเรื่องการแก้ไขกฎหมาย รวมถึงจุดอ่อนของกฎหมาย นอกจากนี้ กรรมาธิการยังได้ขอให้ทางตำรวจกำชับมาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการดูแลขบวนเสด็จฯ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยทางตำรวจจะขอไปสรุปสิ่งที่ควรแก้ไขและไม่ควรแก้ไขในกฎหมาย ก่อนนำกลับเข้ามายังกรรมาธิการอีกครั้ง ขณะเดียวกันทางตำรวจยังได้ชี้แจงเรื่องการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแล้ว รวมถึงมาตรการถวายความปลอดภัยในอนาคต ซึ่งขณะนี้การถวายความปลอดภัยยังเป็นไปตามกฎหมายปัจจุบัน โดยไม่ได้มีการชี้แจงเรื่องบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำผิดแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ “นายคมสัน โพธิ์คง” นักวิชาการอิสระด้านกฎหมาย กล่าวว่า ตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย พ.ศ.2560 มีช่องว่างที่สามารถทำให้เกิดอันตรายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท พระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป รวมทั้งผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ ผู้แทนพระองค์ ซึ่งเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป และบุคคลที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นพระราชอาคันตุกะ

แต่เดิมนั้นหน่วยราชการที่ถวายความปลอดภัยให้องค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ จะถูกกำกับดูแลโดยนายกรัฐมนตรี แต่ภายหลังได้มีการจัดตั้ง “หน่วยราชการในพระองค์” ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.10 ซึ่งประกอบด้วย 3 หน่วยงาน คือ สำนักพระราชวัง , สำนักงานองคมนตรี และ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์จึงทำให้มีการตรากฎหมายอีกหลายฉบับเกี่ยวกับหน่วยราชการในพระองค์

“ที่ผ่านมาแม้จะมีกลุ่มคนที่ไม่พอใจต่อสถาบันพระมหากษัตริย์กระทำการจาบจ้วง ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอื่นเข้ามาประกอบการเอาผิด เช่น ตะโกนส่งเสียงดัง หรือใช้คำหยาบ ใช้กฎหมายดูหมิ่นเจ้าพนักงาน หรือกรณีของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่บีบแตรใส่ “ขบวนเสด็จฯ” เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผิดเพียงแค่กฎหมายจราจรเท่านั้น และไม่สามารถใช้กฎหมาย มาตรา 112 ได้ เนื่องจากบทบัญญัติมีผลบังคับเฉพาะพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพียงเท่านั้น จึงถือเป็นช่องว่างที่เกิดขึ้นกับพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่น” นายคมสัน กล่าว

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ครม.นัดพิเศษ แต่งตั้ง "หมอมิ้ง นพ.พรหมินทร์" นั่งเลขาธิการนายกฯ
ตามรวบ "สาวแสบมิจฉาชีพออนไลน์" ส่งลิ้งลวงเหยื่อ ขอคืนเงินค่า FT ก่อนดูดเงินเกลี้ยงบัญชี เสียหายเกือบ 2 ล้านบาท
ททท.จัดต่อเนื่อง "Amazing Muay Thai Experiences" ตอกย้ำเสริมเสน่ห์ไทยด้วยกีฬา "มวยไทย" ชวนนักท่องเที่ยวเดินทางสัมผัสประสบการณ์ถึงถิ่นกำเนิดมวยดี 4 สาย
จนท.บุกตรวจ "แรงงานต่างด้าว" 149 คน แอบเช่าบ้าน 2 หลังในชุมชนขอนแก่น เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
"วรชัย" วอน "เสรีพิศุทธ์" อย่าตั้งเป้าโจมตี ขอโอกาสรัฐบาลทำงาน ให้เวลาพิสูจน์แก้ปัญหาปชช.
“อ.ธรณ์” ห่วง “ฮาลองเบย์” สถานที่สวยงาม ถูกพายุไต้ฝุ่น "ยางิ" พัดถล่ม หวังให้ทุกคนที่นั่นปลอดภัย
ไร้ปาฏิหาริย์ พบแล้ว "นทท.เบลเยี่ยม" หลังหายตัวลึกลับ ทีมค้นหาพบร่าง บริเวณท้ายฝาย "น้ำตกแม่เย็น"
"พิพัฒน์" เดินหน้า 1 ต.ค. ปรับค่าแรง 400 พร้อม 7 มาตรการ ลดกระทบนายจ้าง-ลูกจ้าง ถกพณ.คุมสินค้าแพง
เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่ตราดรับฟังสถานการณ์บริหารจัดการน้ำรับมือน้ำท่วมหลังพายุไต้ฝุ่นนางิ และ ฝนตกหนักกลางเดือนกันยายน หวั่นท่วมรอบ 2
น่าห่วง "แม่น้ำยม" สายหลักพิษณุโลก เพิ่มระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง ไหลท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำทุกหมู่บ้านแล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น