มวยคู่เอกฝ่ายแดง ที่เปิดศึกทะเลาะกันเอง ระหว่าง นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ลี้ภัยการเมืองที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เจ้าของกลุ่มเฟชบุ๊กจาบจ้างสถาบัน “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” และ พระมหาไพรวัลย์ วรวณโณ เป็นความบาดหมางที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงข้ามคืน ทว่า กลายเป็นความแค้นสะสมที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
ย้อนไปเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 20 มกราคม 2562 พระมหาไพรวัลย์ วรวณโณ ได้โพสต์แสดงความรู้สึกอัดอั้นตันใจ หลังจากเปิดศึกสงครามน้ำลาย กับนายปวิน โดยระบุข้อความว่า อาตมาจะไม่พูดถึงปวินแล้ว แต่ครั้งนี้เกินทนไปมาก เพราะปวินถ่อยทรามเกินกว่าจะปล่อยข้ามได้ จึงขอเขียนถึงปวินครั้งแรกและขอให้เป็นครั้งสุดท้าย
อาตมาเคยเห็นใจคนอย่างปวินนะ อันนี้พูดจากหัวใจ เห็นใจที่เขาถูกรัฐรังแกอย่างไม่เป็นธรรม และเห็นว่า การที่เขาแสดงความเห็นแม้จะด่าทอโกรธแค้นในการต่อต้านรัฐ ก็เป็นเรื่องที่ควรรับฟัง เพราะอย่างน้อยเขาก็กระทำในฐานะของคนที่พยายามต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง
แต่ตอนหลังมาปวินเหมือนคนเสียสติที่กัดเหวี่ยงคนอื่นไปทั่ว เกลียดคนอื่นที่พูดเรื่องเสียงไม่มีคุณภาพ แต่ตัวเองกับใช้วาทกรรมเดียวกันด่าคนอื่นเสียเอง มีปัญหากับการที่คนอื่นบ่นเหนื่อยผ่านเฟซบุ๊ก แต่ตัวเองบ่นเหนื่อยอย่างเดียวกัน ไม่รู้กี่สิบครั้ง
ตอนที่อาตมาโพสต์ข้อความธรรมะเป็นสาระ ปวินก็แขวะ ว่าเป็นพวกโพสต์ข้อความสวยสวยบ้าง เอาอะไรมาสอนชาวบ้านบ้าง ไปคิดเองว่าคนอื่นกำลังสอนเขาบ้าง พออาตมาโพสต์เรื่อง 10 years challenge แม้จะประกอบการเขียนข้อความธรรมะพูดถึงความไม่เที่ยงของรูปร่างสังขารซึ่งเปลี่ยนไป ปวินก็มองไม่เห็นนะ แต่หาเรื่องที่จะแขวะว่า ไม่ใช้เฟซบุ๊กเป็นสื่อธรรมะ ถ้าอาตมาเป็นฆราวาส อาตมาคงจะถามคนอย่างปวินตรงตรงว่า (มึงต้องการอะไรจากกู ก็ตอนกูโพสต์ธรรมะ มึงก็ด่า ไม่โพสต์ธรรมะมึงก็ด่า ตกลงความผิดมันอยู่ที่ใคร)
ถ้าคนอย่างปวินมองคนกลุ่มอื่นว่า เป็นพวกแพร่เชื้อความเกลียดชังในสังคม อาตมาก็คงมองแบบเดียวกันว่า ในฝั่งประชาธิปไตยนี่เอง คนที่แพร่เชื้อโรคแห่งความเกลียดชังไม่แพ้กัน ก็คือคนอย่างปวิน อาตมาเคยเขียนไปหลายครั้งแล้วว่า เฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ของคนคนนั้น อาตมาไม่เคยมีปัญหา ที่คนอย่างปวินหรือใครก็ตามซึ่งเคยพูดทำนองว่า ฉันจะโพสต์เรื่องอื่นอื่น ที่ไม่ใช่วิชาการก็ได้ เพราะฉันไม่ใช่นักวิชาการตลอดเวลา อาตมาไม่มีปัญหาเลย ที่คนแบบปวินหรือคนอื่นอื่นจะเหวี่ยงวีน จะถ่ายรูปโชว์ตูด โชว์กางเกงใน กอดจูบอะไรกับใคร หรือเขียนข้อความจิกกัดกัดทอต่างต่างนานาบนพื้นที่เฟซบุ๊กของตนเอง เพราะอาตมาถือเป็นสิทธิ์ และเฟซบุ๊ก ก็ควรมีไว้เพื่อสิ่งเหล่านี้ เราจะใช้มันเพื่อสื่อสารเรื่องราวของเรา ความรู้สึกนึกคิดของเรา อารมณ์ในช่วงนั้นนั้นของเรา ความรัก ความสุข ความเศร้า หรืออะไรก็ตามที่เราอยากจะถ่ายทอดมัน ทำไมเราไม่มองแบบนี้ ทำไมเราต้องไปคาดหวังให้ใครต้องโพสต์หรือเขียนอะไรในแบบที่เราต้องการ อาตมาไม่อยากเห็นคนอย่างปวินถูกพิษของความโกรธเกลียดครอบงำหัวใจแบบนี้นะ แม้ปวินจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนมีศาสนาก็ตาม แต่อาตมาจะพูดในฐานะของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง.
ส่วนสาเหตุที่ต้องเปิดศึกทะเลาะกันในครั้งนั้น เพราะ นายปวิน ได้โพสต์ ข้อความฟาดตรงมาถึง พระมหาไพรวัลย์ วรวณโณ ใจความบางตอนระบุว่า “ดิฉันมีปัญหากับพระที่เล่นเฟชบุ๊ก คือตอนแรกคิดว่าใช้เฟชบุ๊กเป็นสื่อธรรมะ แต่หลังๆมันไม่ใช่เพราะพวกนี้เล่นตามกระแสที่ชาวฆารวาสเล่น บางครั้งรายการความเคลื่อนไหวของตัวเองเป็นชั่วโมง ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาเลย ถ้ายังตัดทางโลกไม่ได้ก็ศึกออกมาเถอะค่ะ เห็นแล้วเหนื่อยใจ”