“ชัยวัฒน์” แฉยับ จับตากลุ่มจีนสีเทาสวมสิทธิ์ ส.ป.ก.ฮุบป่า ลั่นจะมุ่งมั่นพิทักษ์รักษาผืนป่า Top News รายงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
สืบเนื่องจากกรณีข้อพิพาท “จุดหมุดนิรนาม ส.ป.ก.” ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หลังพบมีการบุกรุกแผ้วถางป่า เพื่อทำการเกษตร บริเวณใกล้แนวกันไฟในหมู่บ้าน เหวปลากั้ง ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
โดยก่อนหน้านี้ทางด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับทีมข่าวท็อปนิวส์ ยอมรับว่าไม่พอใจอย่างมาก
จนต้องพูดออกมากลางประชุมระหว่างกรมอุทยานฯ สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา (ส.ป.ก.โคราช) ที่มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธาน
โดยจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานฯเขาใหญ่ ได้มีการตรวจพบพื้นที่บุกรุกแผ้วถางป่าประมาณ 3 ไร่ กำลังปรับดินปลูกต้นมะม่วง 22 ต้น
จึงลงพื้นที่ตรวจสอบและพบหลักหมุด ส.ป.ก. 3 หมุด แต่ไม่พบผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงติดกล้องดักสัตว์จับภาพเคลื่อนไหว ปรากฏว่า 3 วันต่อมา มีคน 5 คน เข้ามารดน้ำต้นมะม่วง จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
แต่ชายทั้ง 5 อ้างว่า ที่ดินนี้ได้มาถูกต้องตามกฎหมายเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ซึ่ง 1 ในนั้นแสดงตัวเป็นเจ้าของที่ดิน สร้างความสงสัยให้ เจ้าหน้าที่อุทยานว่า หมุดของ ส.ป.ก. มาปักในเขตอุทยานได้อย่างไร
ตนจึงตัดสินใจลงพื้นที่ตรวจสอบ และพบความไม่ชอบมาพากลหลายประการ โดยเฉพาะบริเวณ ปากช่อง เขาใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นทำเลทอง นั้น
ล่าสุดวันนี้ (23 ก.พ.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวท็อปนิวส์ โดยได้ลงลึกข้อมูล ไปยังแผนการอันแยยยล ของขบวนการฮุบป่าในครั้งนี้ว่า
ภายหลังจากมีการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบหลักการปรับปรุงหนังสืออนุญาต ส.ป.ก.4-01 เพื่อยกระดับเป็นโฉนดเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่สำคัญ อาทิ
1) การจัดที่ดินยังคงเป็นไปเพื่อประกอบเกษตรกรรมตามศักยภาพของพื้นที่
2) สามารถเปลี่ยนมือได้ระหว่างเกษตรกรที่มีคุณสมบัติด้วยกันตามที่กฎหมายกำหนด
3) ต้องปลูกไม้มีค่าในพื้นที่ตามสัดส่วนที่ ส.ป.ก.กำหนด
4) สามารถใช้ค้ำประกันเงินกู้กับสถาบันการเงินได้ทุกแห่ง โดยเฉพาะสถาบันการเงินของรัฐ (SFIs)
5) ต้องถือครอง ส.ป.ก.4-01 และทำประโยชน์มาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยมีเกษตรกรที่เข้าเงื่อนไข จำนวน 1,628,520 ราย หนังสืออนุญาต ส.ป.ก.4-01 รวม 2,205,561 ฉบับ เนื้อที่รวม 22,079,407.67 ไร่ นั้น
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า พอมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ จากพื้นที่ ส.ป.ก. มาเป็น โฉนด ส.ป.ก. จึงมองเห็นรูปแบบการฉ้อฉล ในการจับคู่กับกลุ่มทุน หรือกลุ่มเกษตรกร ที่เป็นเกษตรแล้วไม่มีที่ทำกิน มาขอที่หรือจับคู่สัญญาให้เช่า
จึงเป็นช่องโหว่ ให้กลุ่มทุนต่างๆเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ในพื้นที่ที่มิควรจะได้รับ จึงปฎิเสธไม่ได้ว่า กลุ่มทุนต่างๆก็สามารถมาจับคู่และครอบครองได้
ซึ่งมีระยะการครองครองตั้งแต่ 5 ปี , 10 ปี , 15 ปี หรือ 25 ปี คล้ายกับรูปแบบสัมปทาน แน่นอนว่าผู้ลงทุนในการเกษตรมักจะไม่ทำในรูปแบบนี้
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น กลับพบว่าการออกโฉนดในที่ ส.ป.ก. ในลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไป ดังนั้นกลุ่มทุนในประเทศไทยที่ว่านี้ คงหนีไม่พ้นกลุ่มทุนจากชาวจีน หรือ กลุ่มทุนจากจีนสีเทา
หมายรวมถึง กลุ่มทุนทุจริตต่างๆ ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด การพนัน เป็นต้น โดยกลุ่มนี้จะมีพฤติการณ์นำเงินมาฟอกกับที่ดินเหล่านี้
ไม่เพียงเท่านั้น นายชัยวัฒน์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า กรณีที่นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทำหนังสือด่วนที่สุดให้ทุกสังกัดในกรมฯ ตรวจสอบข้อมูลพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทับซ้อนกับแนวเขตป่าอนุรักษ์
และพบการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) แก่ประชาชน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อเจตนารมณ์ในการกำหนดพื้นที่เป็นป่าอนุรักษ์
จะต้องทำอย่างเร่งด่วน และรอบคอบ การยอมถอยของ รมว.เกษตรฯ ที่ยอมรับว่า พื้นที่ปัญหาในป่าบัฟเฟอร์โซน ที่ ส.ป.ก.ออกเอกสารครอบจะถอนให้หมด เป็นสัญญาณที่ดีต่อการอนุรักษ์
แต่ข้อมูลเบื้องต้นที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ตรวจสอบอุทยานทั้ง 142 แห่ง พบการออกเอกสาร ส.ป.ก.ในเขตอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ แล้วกว่า 205,000 ไร่ ยังไม่นับรวมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กำลังรวบรวมข้อมูล
บางแห่งพบแต่เอกสาร ส.ป.ก.โดยไม่มีหมุดปัก และยังยืนยันให้เวลา 1 เดือน ส.ป.ก.ทุกพื้นที่ ต้องเพิกถอนออกให้หมด ก่อนจะแจ้งความดำเนินคดี ผอ.ส.ป.ก.ทุกพื้นที่
อย่างไรก็ตาม นายชัยวัฒน์ยังได้กล่าวทิ้งท้าย ถึงอายุราชการที่เหลือเพียง 7 เดือน ว่าตนยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาผืนป่า และสัตว์ป่าต่อไป
ในอดีตที่ผ่านมาตนไม่เคยได้รางวัลนำจับ หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการปฎิบัติหน้าที่ ดังนั่นทุกอย่างที่ตนได้ทำไป ตนเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมคุ้มครองตน
แม้ชะตาชีวิตของตนต่อจากนี้ไป จะต้องพบกับอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะถูก ปปช.ชี้มูลในคดีเก่าที่ยังคั่งค้างอยู่ ตนก็พร้อมน้อมรับกับโชคชะตา
ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะมองเห็นสิ่งที่ตนทำหรือไม่ ยืนยันว่า ตนคือลูกของพ่อ ที่จะถวายตัว ทำดีต่อไปและจะเดินหน้าทำหน้าที่จนหมดวาระเกษียณอายุราชการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น