นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ยื่นหนังสือถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีการดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศจะหมดอายุในวันที่ 10 กันยายน 2564 ประกอบกับมีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) และสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอินทัชต่อบริษัทไทยคม ซึ่ง ป.ป.ช. แนะให้คณะรัฐมนตรี ควรกำหนดแนวทางให้เป็นไปตามคำพิพากษา
แต่ล่าสุด นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ได้ตอบฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ตรงตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศข้อที่ 15 เรื่องส่งมอบทรัพย์สิน เป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์กับ บริษัท ไทยคม จำกัด มหาชน ทำให้รัฐได้รับความเสียหายจึงขอเรียกร้องให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรี นำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน 10 กันยายน และให้มีมติ ดังนี้
1.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงรัฐมนตรีดีอีเอส และสอบสวนวินัยร้ายแรงปลัดกระทรวง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตที่ไม่ได้ปฏิบัติไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ มติคณะรัฐมนตรีและข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.
2.ให้กระทรวงดีอีเอสยกเลิกสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ฉบับที่ 5 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ และมติคณะรัฐมนตรี 22 กุมภาพันธ์ 2554 (ให้คงหุ้นอินทัชในบริษัทไทยคม ไม่น้อยกว่า 51%)
3.ให้กระทรวงดีอีเอส รวบรวมเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทไทยคม และบริษัทอินทัช ในกรณีบริษัทไทยคมที่ นำดาวเทียมไอพีสตาร์ไปใช้หาประโยชน์ต่างประเทศร้อยละ 94 เพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว
4.ให้กระทรวงดีอีเอส ตรวจสอบการส่งมอบดาวเทียม สถานีควบคุมดาวเทียม และอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนลูกค้าให้เป็นไปตามเงื่อนไขข้อ 15 ของสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ
ทั้งนี้แม้ว่า กสทช. ชุดรักษาการ จะยกเลิกการประมูลสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคม แต่ต้องติดตาม กสทช. ชุดใหม่ที่จะเข้ามาดำเนินการ โดยย้ำว่าดาวเทียมที่เป็นสมบัติของชาติต้องส่งมอบในรูปแบบของสัญญาสัมปทานเท่านั้น ไม่ใช่ระบบใบอนุญาต เพราะแม้จะให้เอกชนดำเนินการ แต่ทุกอย่างอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐทั้งหมด
ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่องไว้ และกล่าวว่าจะรีบส่งให้นายกฯ ทันที เพราะสัญญาจะใกล้สิ้นสุด 10 กันยายนนี้แล้ว