นโยบายโดนใจ เสมา 1 “พล.ต.อ.เพิ่มพูน” สั่งการศธ.พัฒนาแอปฯจับคู่ 66 ครู ย้ายกลับภูมิลำเนาสำเร็จ

กดติดตาม TOP NEWS

นโยบายโดนใจ เสมา 1 "พล.ต.อ.เพิ่มพูน" สั่งการศธ.พัฒนาแอปฯจับคู่ 66 ครู ย้ายกลับภูมิลำเนาสำเร็จ

ภายหลังจาก Top News ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ และนโยบายของพล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ว่าด้วยการลดภาระแก่”ครูและบุคลากรทางการศึกษา” ใน 4 ด้าน

 

พล.ต.อ.เพิ่มพูน

คือ 1. ปรับวิธีการประเมินวิทยฐานะ โดยลดขั้นตอน ลดการทำเอกสาร ประเมินตามสภาพจริงให้เกิดความเป็นธรรม 2. นำเทคโนโลยีทันสมัย มาช่วยในการจับคู่ให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่อยากจะโยกย้ายกลับภูมิลำเนาได้อย่างโปร่งใส และหยุดการซื้อขายตำแหน่งได้ 3. แก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยให้รวมหนี้เป็นก้อนเดียว เจรจาลดดอกเบี้ย เพื่อลดการผ่อนชำระลง รวมทั้งยังสอนให้วางแผนการใช้เงิน และ 4 โครงการ “1 ครู 1 Tablet” โดยการจัดหาอุปกรณ์การสอนที่ทันสมัยมาใช้ในการสอน

 

 

 

 

 

 

ล่าสุดจากการตรจสอบพบว่า หนึ่งนโยบายที่เกิดขึ้นแล้วเป็นรูปธรรมจับต้องได้ สามารถช่วยให้ครูที่อยากจะย้ายกลับไปสอนในภูมิลำเนาได้ตามต้องการ ภายใต้ความโปร่งใส ไร้ซึ่งช่องทางทุจริต ก็คือ การจับคู่ครูในแต่ละภูมิลำเนาต้องการโยกย้าย หลังจากกรณีนี้เป็นปัญหาของครูที่ถูกบรรจุในสถานการศึกษาไกลบ้านตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

 

และการจะขอโยกย้ายกลับมาอยู่ภูมิลำเนา ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องรอตำแหน่งที่ว่างลง ทำให้ครูบางคนยอมวิ่งเต้นจ่ายใต้โต๊ะเสียเงินเป็นจำนวนมาก จนเกิดการทุจริตซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้นในเวลาต่อมา

 

 

 

 

โดยประเด็นนี้ นางอัญสุชา พงศ์พัฒนพาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาระบบบริหารงานบุคคล ก.ค.ศ. เปิดเผยว่า

 

 

“หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสั่งการมา ก็เร่งดำเนินการทำระบบจนแล้วเสร็จ และเริ่มใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 16 ม.ค. หรือวันครูแห่งชาติที่ผ่านมา ซึ่งระบบนี้เป็นหนึ่งในนโยบายของท่านรัฐมนตรี นโยบายเรียนดี มีความสุข เพื่อทำให้เกิดคุณครูได้กลับไปสอนอย่างมีความสุขที่ภูมิลำเนาของตนเอง นโยบายนี้พอท่านรัฐมนตรีส่งมา สำนักงานก.ค.ศ. โดยท่านรองศาสตราจารย์ ดร.ประวิต เอราวรรณ์ รีบให้พวกเรา สำนักงานก.ค.ศ. มาดำเนินการ และประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา”

 

 

ทั้งนี้แนวนโยบายของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ในฐานะรมว.ศึกษาธิการ คือการจัดทำระบบดิจิทัล”จับคู่ครูคืนถิ่น” Teacher Matching System หรือ TMS ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน โดยเปิดโอกาสให้ครูที่ประสงค์จะย้าย สามารถยื่นคำร้องเข้ามาที่ระบบ เพื่อจับคู่กับครูที่อยู่ปลายทางและต้องการจะย้ายกลับเช่นกัน

 

 

 

 

 

 

 

ขณะที่นายวรกัญญ์ ศรีสุทธิ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ระดับปฏิบัติการ กระทรวงศึกษาธิการ อธิบายการทำงานของ TMS ว่า เมื่อมีคำร้องเข้ามาแล้ว ระบบจะดูว่า โรงเรียนที่ขอสับเปลี่ยนตั้งอยู่ในภูมิลำเนาหรือไม่ โดยพิจารณาจากระดับตำบล อำเภอ จนถึงระดับจังหวัด ที่สำคัญคือผู้ประสงค์ย้ายมีวิชาสอนตรงกันหรือไม่ โดยระบบจะแสดงรายชื่อครูที่มีความต้องย้าย หากพบว่าตรงกัน ก็ให้ยืนยันทั้งสองฝ่าย จากนั้นจึงนำส่งเอกสารยินยอมจากต้นสังกัดเข้ามาที่ระบบ เพื่อส่งให้อนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ.ทำการอนุมัติ

 

 

ซึ่งระบบ TMS นี้ สามารถช่วยลดขั้นตอน ลดเวลา ลดเอกสาร อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวก ช่วยให้ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง เกิดความโปร่งใสเป็นธรรม และเมื่อครูได้สอนในโรงเรียนใกล้บ้านแล้ว ครูก็จะมีความสุข มีสุขภาพจิตที่ดี มีขวัญกำลังใจในการพัฒนาเยาวชนของชาติอย่างเต็มกำลังนั่นเอง

 

 

และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน สามารถยื่นความประสงค์ได้ทั้งทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ.หรือผ่านแอปพลิเคชัน TMS โดยทันทีที่เปิดให้ยื่นร้องขอ มีครูที่สนใจโยกย้ายสับเปลี่ยนแล้วถึง 321 ราย และสามารถช่วยจับคู่ได้สำเร็จไปแล้วถึง 66 ราย ที่เหลือรอเพียงหาคู่ที่ลงตัวทั้ง 2 ฝ่าย นี่ถือเป็นหนึ่งในนโยบายการแก้ปัญหาสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

 

 

 

 

 

ทั้งนี้พล.ต.อ.เพิ่มพูน เน้นย้ำว่า ตนเองจะเข้ามาตรวจสอบระบบจับคู่ครูคืนถิ่น หรือ TMS นี้ด้วยตัวเอง หากพบว่ามีการไม่ให้ย้ายตามที่ยื่นขอ ผู้เกี่ยวข้องต้องมีคำอธิบายได้ว่าเพราะอะไร จึงเชื่อว่าต่อไปถ้ากระทรวงศึกษาธิการ มีการนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น ก็จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดขั้นตอนต่าง ๆ ลงไป ครูก็จะได้มีขวัญกำลังใจ มีเวลา สามารถทุ่มเทเป็นต้นแบบในการถ่ายทอดความรู้ ความดีงามสู่สังคมให้ประเทศชาติก้าวหน้าต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น