คืบหน้า ชาวบ้านเดือดต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกโค่นเกลี้ยง ร้องทวงคืนป่าสาธารณะของชุมชน จากนายทุนเข้าบุกรุกป่าชุมชนอ้างถือครองกรรมสิทธิ์ สปก. ใช้จ้างรถแม็คโครคนงานเข้าโค่นถางป่าจนราบพร้อมไถต้นไม้ลงร่องน้ำธรรมชาติก่อนนำดินกลบจนเกือบไม่มีร่องน้ำสาธารณะ นายทุนบอกตนถือสิทธิ์ในที่ดินจะทำอะไรก็ได้

เมื่อเวลา 15.00 น. วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เตรียมเชิญเจ้าหน้าที่ สปก.ฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ ร่วม กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในวัน พุธที่ 28 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. เพื่อหาข้อยุติในเรื่องชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน หมู่ที่ 5 บ้านหนองปรือกันยาง รวมตัวจี้ผู้ใหญ่บ้านให้จัดการนายทุนบุกรุกผืนป่าชุมชนใช้รถแม็คโครตีป่าที่เป็นแหล่งเก็บเห็ดเก็บผักหวานป่าตามวิถีชุมชน พยายามดันต้นไม้ลงรางลำคลองน้ำแล้วใช้ดินเตรียมกลบติดทางน้ำ ในวันเดียวกันนี้เมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. เพื่อที่จะหาแนวเขตพื้นที่จากกรณีที่นายทุนทราบชื่อคือนายอัครวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 80 ปี ชาวจังหวัดชลบุรี อ้างว่าตนเองถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เลขที่ 6035 เล่ม 61หน้า 35 อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา

จากช่วงเช้าที่ท่านนายอำเภอท่าตะเกียบ นายอำนวย เกษตรสินนุกูล พร้อมทีมปลัดฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่กองร้อย อส.ท่าตะเกียบ ตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดในเรื่องการโค่นต้นไม้ลง จึงลงความเห็นร่วมกันว่าให้นายทุนหยุดการกระทำเตรียมดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย และพยามเจรจาพูดคุยกับนายทุนให้คืนผืนป่าชุมชน แต่ไม่เป็นผล นายทุนอ้างการตัดโค่นต้นไม้พยุง ไม้แดง ไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก ไม่ทราบว่าผิด ส่วนการนำต้นไม้บางส่วนลงร่องน้ำสาธารณะประโยชน์ พร้อมให้รถแม็คโครเกลี่ยดิบกลบ ก็เพราะเห็นว่าเป็นที่ตามสิทธิ์ของตน

ข่าวที่น่าสนใจ

จึงเป็นเหตุให้ผู้ใหญ่ปัญญา วาจาดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านหนองปรือกันยาง พร้อมชาวบ้าน อารมณ์ขึ้น โต้เถียงกันอย่างแรงว่า ทำไมนายทุนที่อายุ 80 แล้ว ยังเห็นแก่ตัว ทั้งๆที่ตรงนี้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ เป็นป่าชุมชน ที่ชาวบ้านมาหาเก็บเห็ด เก็บผักหวาน ผักป่า และที่สำคัญร่องน้ำเป็นคลองน้ำทางธรรมชาติ ที่ชาวบ้านใช้ในภาคเกษตร ในชีวิตประจำวันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตา ยาย ก่อนที่นายทุนสูงวัยจะมาอาศัยอยู่ จู่ๆจะมาปิดทางน้ำ ต้นไม้ใหญ่ที่ชาวบ้านหวงแหน ต้นๆหนึ่งเป็นร้อยปี ถูกตัดโค่นลง ซึ่งบางส่วนเอาดินกลบ และบางส่วนฝังกลบไปแล้ว ส่วนบางต้น นายทุนสูงวัยอ้างว่าผู้รับเหมาที่นำรถแม็คโครมาดันได้นำต้นไม้ที่โค่นบางส่วนไป

ต่อมานายไชยนันท์ อิ่มเจริญ หัวหน้าป่าไม้ชำนาญงานอำเภอท่าตะเกียบ ได้ระดมเจ้าหน้าที่ป่าไม้หนองคอก ป่าไม้ทุุ่งพระยาชุดเคลื่อนที่เร็ว ลงพื้นที่ตรวจสอบพบต้นไม้หวงห้ามขนาดใหญ่ถูกหักโค่นในแบบใช้รถแม็คโครดัน และแบบใช้เลื่อยยนต์ จึงให้ตรวจวัดปริมาตร เตรียมขยายผลใครเอาต้นไม้ไปไหน ด้วยนายทุนสูงวัย ยังไม่ยอมให้ความร่วมมือว่าได้ว่าจ้างใครมาดันที่ป่าชุมชนและตัดโค่นต้นไม้ทั้งผืนป่า

ขณะที่นายทุนสูงวัย บอกกับผู้สื่อข่าวว่าตนเองถือครองที่ดินกว่า 100 ไร่ มา 20 ปี ไม่ได้มาดูมาทำกิน เพิ่งจะเข้ามาตอนที่ทางรัฐบาลเวนคืนที่เพื่อที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำ ซึ่งตนเองก็ได้ค่าเวนคืนไปกว่า 50 ล้าน จึงอยากจะปรับที่ดินแปลงที่ติดกันกว่า 20 ไร่ เพื่อจะหาปลูกไม้ยูคา และก็เห็นว่าต้นไม้ที่ตัดโค่นก็แค่ต้นพยุงไม่ใหญ่มาก ส่วนไม้แดง ไม้ขนาดใหญ่ ก็เห็นว่าอยู่ในที่ของตนเองไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. ผู้ใหญ่ปัญญา วาจาดี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ร้องขอไปยังท่านนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ให้ช่วยประสาน สปก.ฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านในวันพุธที่ 28 ก.พ. เวลา 10.00 น. จากการที่ทุกหน่วยงานในพื้นที่ลงมติว่าจะให้มีการยืนยันกรรมสิทธิ์ตามที่นายทุนสูงวัยอ้าง และในส่วนการตัดโค่นป่าทางนายไชยนันท์ อิ่มเจริญ หัวหน้าป่าไม้ชำนาญงานอำเภอท่าตะเกียบ เตรียมขยายผลขบวนการกระทำผิดต่อไป

สราวุฒิ บุญสร้าง ผู้สื่อข่าวภูมิภาคฉะเชิงเทรา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง