“ตะวัน” ทำสาวก 3 นิ้วผิดหวัง กลับลำแอบดื่มน้ำ “แฟรงค์” เคลื่อนไหวทันที หลังรู้คู่หูผิดสัญญา Top News รายงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
กลายเป็นประเด็นที่น่าติดตามต่อเนื่อง แม้ว่าจะย่างเข้าสู่ 14 แล้ว สำหรับการอดข้าวอดน้ำ ประท้วงศาล ของตะวันและแฟรงค์ ผู้ต้องหาคดี ม.116 จากกรณีป่วนขบวนเสด็จ ซึ่งแม้ว่านายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พ่อของตะวัน จะขอยื่นประกันตัวลูกสาวเป็นครั้งที่ 2 แต่ศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัว
โดยให้เหตุผลว่า ทั้งแฟรงค์ และตะวัน อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ไม่มีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม งานนี้ทำเอาพ่อของตะวันผิดหวังอย่างหนัก ต่อมาได้มาแถลงต่อศาลถึงความจำเป็นที่ศาลต้องปล่อยตัวชั่วคราว รวมถึงพูดออกมาด้วยว่า ถ้าศาลไม่ให้ประกันตัว แล้วลูกสาวตายไป ต้องมีคนรับผิดชอบเรื่องนี้
ต่อมาเพจเฟซบุ๊กของตะวัน ได้อัพเดทอาการล่าสุด อ้างว่าอาการไม่สู้ดีทั้ง 2 คน โดยระบุว่า บันทึกเยี่ยมตะวันแฟรงค์ 27 กุมภาพันธ์ 67 แฟรงค์ อยู่ที่ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ น้ำหนักแฟรงค์เหลือ 37.55 กิโลกรัม ตอนนี้ไม่ใส่เครื่องช่วยหายใจแล้ว “จะไม่เอาอะไรจากใครแล้ว จะไม่ร้องขออะไรอีก” เมื่อวานนี้แฟรงค์มีอาการชักเกร็ง นิ้วจีบ อัตราการเต้นของหัวใจ 150 ขณะชักเกร็งแฟรงค์พูดกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่า “กูจะไม่ยอมพวกมึงอีกต่อไปแล้ว” ระหว่างเยี่ยม แฟรงค์ดูเหนื่อยหอบ เล่าว่าเมื่อวานมันหนักมาก รู้สึกร้อนเหมือนถูกไฟไหม้ หลักๆ คือมองเห็นเพดานเป็นสีแดง สีส้ม
-รอบดวงตาดูกลวงโบ๋ จนเห็นเป็นโครงกระโหลก
-ปากแตกแห้งจนลอก
-ใต้ตาคล้ำ
-ฉี่นิดเดียว มีสีเข้ม
-ไม่ขับถ่าย
-มีอาการ เฉื่อยๆ เบลอๆ เหม่อลอย ต้องมีคนช่วยเข็นวิลเเชร์ให้
เมื่อคืนนอนไม่หลับเพราะเครียด กว่าจะหลับได้ก็ตี 3 แล้ว แฟรงค์พูดว่า ต่อให้เรากลับไปรับเงื่อนไขอะไรก็ตาม ก็ใช่ว่าเขาจะปล่อยเรา ผมคิดว่ามันอยากกดหัวเราไว้ อยากควบคุมเราให้อยู่ เพื่อนๆ บอกแฟรงค์ว่า ตะวันได้จิบน้ำไปแก้วหนึ่งในคืนวันศุกร์ จากที่พ่อแม่ขอร้อง และเป็นห่วง บอกให้แฟรงค์จิบน้ำเพื่อยื้อชีวิต แต่แฟรงค์ยกมือโบกส่ายหน้า ยิ้ม แล้วบอกว่า ให้บอกตะวันว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง “สัญญาต้องเป็น
สัญญา”
ผมขอเอาหัวยัน ตีนยัน ขอยืนยันคำเดิม “ผมจะทำต่อไป” หากไม่ส่งตัวไปหาตะวัน ก็พร้อมตายในคุก ฝากบอกตะวันว่าเป็นห่วงมาก ใจยังสู้ และจะสู้ต่อไป
ส่วนตะวัน อยู่ที่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ วันนี้ตะวันไม่ได้ลุกขึ้นมาชั่งน้ำหนัก เพราะลุกขึ้นนั่งไม่ไหวแล้ว เล่าว่าพยายามนอนหลับ เพื่อฆ่าเวลาให้ผ่านไปแต่ละวัน
“ตายก็ตาย สู้ต่อไป ยืนยันจะสู้จนกว่าจะตาย” วันนี้ค่าน้ำตาลในเลือดเหลือ 69
ตะวันมีรูปร่างที่ซูบผอมลงกว่าเดิมมาก ผอมจนกระดูกซี่โครงโผล่ เห็นไหปลาร้าชัด ขาเเละแขนเล็กมาก กระดูกสันหลังชัดเจน หน้าตอบจนเห็นสันกราม สีผิวดูเหลืองและหมองคล้ำ ผิวแห้งมาก
เมื่อวันศุกร์ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา หมอเจาะเลือดตะวันไปตรวจ พบค่าของเสียในร่างกาย โดยตอนนี้มีภาวะขาดน้ำ มีกรดในเลือดสูง เมื่อคืนน้ำตาลในเลือด 70/80 พะอืดพะอม ไม่มีแรง อิดโรย พูดช้ามาก ปากแห้งแตกจนลอก ฉี่นิดเดียว มีสีเข้ม ไม่ขับถ่ายแล้ว
อยู่ๆ ประจำเดือนก็มาเมื่อวันเสาร์ เป็นสีดำคล้ำ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีแรงไปฉี่ ไปเปลี่ยนผ้าอนามัย ระหว่างเยี่ยมวันนี้ แม่เลยช่วยพยุงตะวัน ไปทำความสะอาดร่างกาย เนื่องจากตะวันไม่มีแรงจะทำกิจวัตรประจำวันแล้ว รวมถึงมีอาการอ่อนเพลีย จากการเสียเลือดของประจำเดือน
ตะวันเล่าว่า เมื่อวันศุกร์เริ่มจิบน้ำ เพราะพ่อแม่ร้องขอให้จิบน้ำ เพื่อรักษาชีวิตไว้ เมื่อเล่าให้ฟังว่า พ่อไปประกันตน และศาลสั่งให้พ่อมาเอาเอกสารจากแพทย์ เพื่อไปให้ศาลพิจารณาให้รอบคอบ และหลังจากนั้น ศาลก็สั่งว่า ในเมื่ออยู่ในความดูแลของแพทย์แล้วก็อยู่ต่อไป ตะวันก็ร้องไห้ เมื่อได้ฟังข้อความจากแฟรงค์ ตะวันก็บอกว่าเป็นห่วงแฟรงค์มาก ฝากบอกแฟรงค์ว่าให้อดทน และให้หายใจเข้าไว้ ตะวันแจ้งว่า ในวันนี้ตัดสินใจว่าจะไม่เอาอะไรอีกแล้ว ฝากขอบคุณทุกกำลังใจ และให้แฟรงค์รู้ว่า ตะวันอยู่กับแฟรงค์เสมอ ตลอดมาและตลอดไป “สัญญาต้องเป็นสัญญา” #ปฎิรูปกระบวนการยุติธรรม
ล่าสุดนายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กระบุว่า พ่อของตะวัน เคยให้สัมภาษณ์ไว้ ในเมื่อคราวที่ตะวันอดอาหารคราวก่อน โดยบีบีซีไทยถามว่า เคยมีสักขณะหนึ่งไหมว่า สิ่งที่ลูกเราทำจะคุ้มหรือเปล่า สมหมายตอบทันทีว่า “คุ้ม” เขายังบอกต่อว่า “ไม่ได้หวังว่า การแลกด้วยชีวิตของตะวันจะสำเร็จ แต่หวังเพียงว่า จะช่วยกระตุ้นให้เรื่องที่ตะวันเรียกร้อง “กระเพื่อม” ขึ้นได้บ้างเท่านั้นเอง” ซึ่งหมายความว่า เขารับรู้ หรือสนับสนุนให้ลูก ใช้ชีวิตแลกกับการทำให้เกิดแรงกระเพื่อม พูดชัดๆ อีกทีได้ว่า พ่อรับรู้ หรือสนับสนุน ว่าลูกจะใช้ความตายของตัวเอง เพื่อสร้างแรงกระเพื่อม
ดังนั้นคราวนี้จะมาเรียกร้องทำไมว่า หากตะวันถึงแก่ความตายไประหว่างที่ถูกสอบสวน โดยคำสั่งของศาลอาญา ใครจะต้องรับผิดชอบ เพราะพ่อมีคำตอบตั้งแต่แรกแล้วว่า ลูกจะใช้ความตาย เป็นเครื่องมือในกิจกรรมทางการเมืองของตน
นายอัษฎางค์ ระบุอีกว่า ไม่มีใครอยากให้ตะวันตาย มีแต่พ่อและตะวันเท่านั้น ที่อยากจะใช้ความตายของตะวัน สร้างแรงกระเพื่อม เพราะฉะนั้นพ่อและตะวัน ต้องรับผิดชอบเอง โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อ ใจดำถึงขั้นอาศัยความตายของลูก เพื่อให้บรรลุอุดมการณ์ทางการเมืองของตนเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น