ในบรรดาหัวหมู่ทะลวงฟันที่ออกหน้ามาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องกดไลค์ให้ “นายนพดล พรหมภาสิต” อดีตแกนนำศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) กล่าวยืนยันว่าการดำเนินการตามมาตรา 112 ถ้าไม่ครบองค์ประกอบทางกฎหมายจะไม่ดำเนินการ เพราะถ้าใครก็ตามวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตเป็นวิชาการจะไปทำอะไรได้ ดังนั้นไม่มีทางไปเที่ยวไล่ฟ้องใครได้ง่าย ๆ แต่ที่ดำเนินการอยู่นั้นไม่ใช่ สำหรับที่มีถามกันมามากว่า ใครอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุน ศชอ.ยอมรับว่าฝ่ายสลิ่มด้วยกันเองช่วยสนับสนุนแต่ไม่มีท่อน้ำเลี้ยงจากองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ เอ็นจีโอจากต่างชาติเด็ดขาด หรือ พรรคการเมือง ให้เงินสนับสนุน แต่เงินสนับสนุนที่ได้มาเป็นเงินของประชาชนจริง ๆ แตกต่างจากอีกฝ่าย
สำหรับสาเหตุที่ปิด ศชอ.เพราะมวลชนกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ที่เคยขัดแย้งกันเริ่มสมานฉันท์ เมื่อเห็นแบบนี้ ศชอ. จึงเริ่มลดบทบาทลง แต่ยังมีกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ที่ยังนำเคลื่อนไหวอยู่ และ ขอแนะนำสำหรับการแสดงความคิดเห็นที่จะไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท เช่น วิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะตั้งคำถามแทนที่จะด่าแรงๆ ตรง ๆ จะลดความเสี่ยงในการกระทำผิดได้ จงพึงสังวรณ์ไว้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ใช้สติในการที่จะไปแสดงความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ด่าใคร องค์ประกอบของความผิด นึกไว้อย่างเดียว คือ เจตนาหรือไม่ ทำโดยสุจริตอย่างวิญญูชน และ มีสติหรือไม่ และ การวิพากษ์วิจารณ์ก่อให้เกิดประโยชน์กับสังคมด้วยหรือไม่
อีกคนที่มีบทบาทปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ นั้นคือ “นายอานนท์ กลิ่นแก้ว” ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เคยกล่าวไว้ว่า สาเหตุที่ก่อตั้ง “ศปปส.” เพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมของคนบางกลุ่มที่เคลื่อนไหวแบบเกินเลยและทะลุเพดานดึงสถาบันลงมา ลักษณะแบบหมิ่นสถาบัน พวกเราประชาชนคนไทย ทนไม่ได้กับพฤติกรรมแบบนี้ สำหรับ แนวร่วม ศปปส.หลักๆอาทิ อาชีวะราชภักดี และ กลุ่มนักรบเลือดสีน้ำเงิน เป็นต้น แนวทางเคลื่อนไหวเน้นตรวจสอบม็อบสามนิ้วหรือโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันในทางลบ จะมีการไปแจ้งความดำเนินคดี สำหรับคดีแรกที่ ศปปส.เริ่มใช้วิธีแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มม็อบสามนิ้ว จนเป็นคดีความมีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญา เช่น นายเอกชัย หงส์กังวาน ที่ถูกฟ้องในข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110, ข้อหามั่วสุมกันโดยใช้กำลังประทุษร้ายทำให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 กีดขวางทางสาธารณะ และกีดขวางการจราจร หรือ แจ้งความเอาผิดนักเคลื่อนไหวม็อบสามนิ้ว หรือ นักการเมือง อาทิ “ไอซ์ รักชน” หรือ นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล ซึ่งคดีดังกล่าวคนที่ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษคือ “นพดล พรหมภาสิต”
นอกจากนี้ยังเชื่อว่า องค์กรต่างชาติ และพรรคการเมือง อาจจะเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้ ต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง ทั้งนักการเมืองและคนไทยที่คิดชั่ว ร่วมมือกับนักการเมืองชั่ว และองค์กรต่างชาติ ร่วมกันส่งท่อน้ำเลี้ยงเข้าไปเพื่อต้องการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันหลักของประเทศไทย ตัวอย่างเช่น พวกอายุ 14 -15 ปี หรือมากกว่านั้นพวก 17-18 ปี ไปเอาเงินที่ไหนมาเคลื่อนไหว งานการยังไม่ได้ทำ ไม่ได้มีรายได้ พอไปดูที่บ้านบางคนเหมือนกับเป็นครอบครัวแบบหาเช้ากินค่ำ แต่ไปนำเงินจากที่ไหนมาเคลื่อนไหว ไปเอาเงินจากที่ไหนมาม็อบ มาจัดม็อบ บางคนตอนแรกก็ไม่ได้มีฐานะอะไร แต่ต่อมามีเงินในบัญชีหลายล้านบาท ดังนั้นต้องมีอยู่แล้ว คนอยู่เบื้องหลัง
ทั้งนี้ “ศปปส.”ไม่เห็นด้วยที่ “พรรคก้าวไกล” เสนอเรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยให้พ่วงล้างผิดคนที่โดนคดี 112 ตั้งแต่ตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่พรรคก้าวไกลนำเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ไปหาเสียงเลือกตั้ง แล้วตอนนี้พอรู้ว่าคงแก้ไขหรือยกเลิกไม่ได้ ก็มาคิดจะนิรโทษกรรมคนทำผิดมาตรา 112 ที่ทำผิดไปแล้ว ที่ก็ลองดู หากคิดจะนิรโทษกรรมคดี 112 ที่เชื่อว่าหากเป็นแบบนั้น ไม่ใช่แค่กลุ่ม ศปปส. แต่คนไทยที่รักชาติ รักสถาบันฯ จะต้องมีการรวมตัวกันแน่นอน ทาง ศปปส. จึงขอเตือนว่าอย่าไปคิดนิรโทษกรรมให้กับคนที่ทำผิดกฎหมาย