“พระพยอม” มอง 2 พส.ไลฟ์สด เป็นการเทศน์แนวใหม่!

พระพยอม มอง 2 พระสงฆ์ ไลฟ์สดสอนธรรมะ เป็นการหาวิธีเทศน์ ที่เร้าใจชวนคนติดตาม ส่วนประเด็นพร้อมเพย์ บอก ก็เหมือนกัณฑ์เทศน์

จากกรณีที่ พระมหาไพรวัลย์ และพระมหาสมปอง แห่งวัดสร้อยทอง กทม. ไลฟ์สด สอนธรรมะ และมีการแสดงเลขบัญชีพร้อมเพย์ ทวงค่าโฆษณาด้วย   และมีชาวเน็ต เข้ามาติดตามชม 2 แสนกว่าคน และบางช่วงบางตอนได้สนทนาธรรมและหัวเราะไปด้วย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ไม่สำรวม

 

ทีมข่าวท็อปนิวส์ เดินทางมาที่วัดสวนแก้ว ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามกับ พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว  ถึงประเด็นดังกล่าว  โดย พระพยอม กล่าวถึงการไลฟ์สดสอนธรรมะของพระทั้ง 2 ท่านนั้น คงอาจจะมีเจตนาที่จะหาวิธีการ หรือหารูปแบบการเทศน์คำสอนทางพระพุทธศาสนา ที่จะทำอย่างไรให้การเทศน์เร้าใจ ทำให้คนอยากติดตาม จึงหามุกตลกมาสอดแทรก หรือ อาจเป็นการเทศน์แข่งขันกัน หรือเป็นลีลาการเทศนาธรรม จนกลายเป็นเรื่องของคนที่ไม่ชอบ จนนำไปสู่การร้องเรียน การตำหนิติเตียนขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของมุมมองคนเราที่รับได้ก็ชื่นชอบ ส่วนพวกที่รับไม่ได้ ก็ชิงชังตำหนิติเตียนกัน รวมถึง พวกที่อยู่เฉยๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะในสมัย ตนเดินสายเทศน์ธรรมใหม่ๆ มาเคยผ่านเรื่องนี้มาก่อน ในสมัยที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายสมัคร สุนทรเวช ท่านอาจารย์พุทธทาส ได้สอนตน โดยเฉพาะ อาจารย์คึกฤทธิ์ บอก ไม่ศรัทธาเลยที่ ตนเทศน์แบบนี้ ตนก็ตอบโต้ไป สุดท้ายมา เห็นความดีกันและมีการขอโทษกันไป

พระพยอม ยังกล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้วก็มีความสนิทชอบพอกันกับพระทั้ง 2 รูป ซึ่งทั้งพระทั้ง 2  ก็เคยมาที่วัดสวนแก้วด้วย และล่าสุด  ตนก็ถูก แพทย์จาก จ.อุบลราชธานี โทรมาว่ากล่าวตำหนิ  ติติงว่า ตนปกป้องพระทั้ง 2 ซึ่งตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่หลังจากนี้ พระทั้ง 2 ควรจะต้องมีการปรับวาจาในประเด็นที่มีคนมองว่า มีการเรี่ยไร บอกเบอร์ พร้อมเพย์ ตนเห็นว่า ก็เหมือนกัณฑ์เทศน์ แต่ก็ต้องดูเจตนาด้วยว่า มีการเร้าบ่อยหรือไม่ หากเป็นไปตามศรัทธา ก็คงไม่ผิด ส่วนประเด็นการหัวเราะนั้น ไม่ผิดปาราชิก

และตนเชื่อว่า หากพระทั้ง 2 รูป อายุมากขึ้น ก็คงจะมีการปรับเปลี่ยนลักษณะการเทศน์  เชื่อว่า พระทั้ง 2 ไม่ใช่พระหัวดื้อ เป็นพระที่มีการศึกษา มีวุฒิภาวะ มีดีกรีพอสมควร คงปรับตัวได้ไปตามสถานการณ์ ทั้งนี้ พระพะยอม ยังได้ฝากข้อคิดสะท้อนไปยังสังคมว่า อย่ามองเพียงรอบเดียว ควรที่จะมองให้รอบด้าน ควรชั่งน้ำหนักส่วนดีและไม่ดีตามคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาส ส่วนของบทบาทหน้าที่ของสำนักพระพุทธศาสนานั้น พระพยอมเห็นว่า สำนักพุทธฯ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะลงโทษ แต่มีหน้าที่หาข้อมูลเพื่อไปนำเสนอผู้ใหญ่ และควรเรียกไปพูดคุย ทำการตักเตือนทางวาจาจะดีกว่า

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เจพาร์ค ศรีราชา” จัดพิธีอัญเชิญเทพเจ้าโอคุนินุชิ ประทับในศาลเจ้าโอคุนิ ศาลเจ้าชินโตแห่งที่สามของประเทศไทย
ก้าวสู่ปีที่ 5 Future Food Leader Summit 2025 ชวนสร้างไอเดีย บนแนวคิด “อาหารฟื้นฟูเพื่ออนาคต” เปิดตัว Future Food AI ครั้งแรกในเอเชีย
TIPH คว้าอันดับเครดิตองค์กรสูงสุดของกลุ่มโฮลดิ้งส์ ตอกย้ำศักยภาพผ่านการประเมินจากทริสเรทติ้ง
"บิ๊กเต่า" เตรียมส่งทีมสอบ "บอสพอล" ปมเส้นเงิน 8 แสน โยงแม่นักการเมือง ส.
"วราวุธ" ขออย่านำ "เกาะกูด" เป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ ชี้ MOU 44 ไม่เกี่ยวข้อกังวลทุกฝ่าย
แม่ค้าขนมครกโอดยอมกัดฟันสู้ หลังราคาน้ำกะทิขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 100 บาทแต่ยันขายขนมครกราคาเดิมกลัวลูกค้าหด
"นายกฯ" เผย ครม.อนุมัติ 2.5 พันล้าน ฟื้นฟูเกษตรกร หลังน้ำลด
หนุ่มขับรถกระบะไปส่งหมู หลับในขับรถพุ่งชนฟุตบาท พลิกคว่ำตีลังกาชนเสาไฟ ดับคารถพร้อมเพื่อนต่างด้าวที่นั่งมาด้วยกันเสียชีวิต 2 ศพ
ครม.ตั้ง “บิ๊กรอย” นั่งที่ปรึกษาภูมิธรรม “คารม-ศศิกานต์” เป็นรองโฆษกรบ.
พบแล้ว "สุสานหรู" ถูก "ซินแส" ใช้ลวงเหยื่อ ซื้อที่ดินต่อดวงชะตาชีวิต ก่อนสูญเงินกว่า 30 ล้านบาท

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น