ศ. ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ “ดร.เอ้” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. กล่าวว่า ข้อพิพาทระหว่าง สปก. กับ อุทยาน เรื่องความไม่ถูกต้องในการปักหมุด อาจไปทับซ้อนกับที่ของหลวง หรืออาจไม่ถึงมือชาวบ้าน เพื่อไปทำกิน แต่ไปให้กับนายทุน โดยอ้างเหตุ “แผนที่ไม่ตรงกัน” นั้นตนเองรู้สึกงงจริง ๆ เพราะหากอ้างเรื่องนี้ เทคโนโลยีแก้ปัญหานี้ได้ 100%
ข่าวที่น่าสนใจ
ศ. ดร.สุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ ฝรั่งนักเลงก่อเหตุเตะสุภาพสตรี แค่นั่งที่บันได ที่รุกล้ำชายหาดสาธารณะด้วยซ้ำ จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต ทั้งประเด็นคนต่างชาติรังแกคนไทย และทั้งการปลูกอาคารล้ำที่สาธารณะ แถมยังอ้างเป็น “หาดส่วนตัว” ชาวบ้านเข้าใช้ไม่ได้ หรือ แม้กระทั่ง ปัญหา “เผาป่า เผาไร่” จนฝุ่นพิษ pm2.5 ท่วมเมืองเชียงใหม่ แต่จับใครไม่ได้ ไม่รู้ ปล่อยไฟไหม้ลุกลาม ซ้ำซาก ปัญหาทั้งหมดนี้ หากรัฐบาลจริงใจจะแก้ปัญหาทำได้ทันที
โดย ศ. ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้ว ประเทศไทยส่ง “ดาวเทียมธีออส 2” ซึ่งเป็นดาวเทียมวงโคจรต่ำ เวียนมา “ส่องดู” พื้นที่ประเทศไทย กลางวัน 2 รอบ และกลางคืนอีก 2 รอบ รวมเป็น 4 รอบต่อวัน ซึ่ง GISTDA หรือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ผู้ดูแลดาวเทียม ระบุว่าข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมธีออส 2 มีรายละเอียดภาพหรือขนาดพิกเซล 50 เซนติเมตร ซึ่งสามารถถ่ายภาพวัตถุใด ๆ บนพื้นผิวโลกที่มีขนาดตั้งแต่ 50X50 เซนติเมตร ขึ้นไป ถือว่า “ความละเอียดสูงมาก” ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตา
ดังนั้นหมายความว่า ใครปักหมุดกินที่ดินหลวง รู้ทันที ใครล้ำที่ชายหาด รู้ว่าเป็นใคร บ้านหลังไหน โรงแรมใคร และใครเผาป่า ตรงไหน ปลูกอะไร ของใคร รู้หมด! โกหกใคร ใครโกหกประชาชน อาจไม่รู้ แต่โกหกภาพถ่ายจากดาวเทียมคุณภาพสูงไม่ได้
ศ. ดร.สุชัชวีร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หากรัฐบาลคิดถึง “ผลประโยชน์สาธารณะ” จะต้องใช้ข้อมูลนี้ จัดการแก้ปัญหา ใครผิดต้องรับผิดชอบ ให้ความเป็นธรรม ให้ความจริง แก่สังคมไทย เทคโนโลยีดาวเทียม มีอยู่บนท้องฟ้า ด้วยภาษีของประชาชน ผมขอให้รัฐบาล “กล้าจริง” และ “จริงใจ” ใช้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
