CNN, AFP, BBC และรอยเตอร์สรายงานว่าทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรคริพับลิกัน ออกมาประกาศชัยชนะที่คฤหาสห์ส่วนตัวมาร์-อา-ลาโก ที่รัฐฟลอริด้า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น (อังคารที่ 5 มีค.) หลังจากสื่ออเมริกันต่างฟันธงว่าทรัมป์จะคว้าชัยชนะใน 14 รัฐ จากศึกเลือกตั้งขั้นต้น Super Tuesday ซึ่งรวมถึงอลาบาม่า, อลาสก้า, อาร์คันซอ, โคโลราโด, แคลิฟอร์เนีย, เมน, แมสซาชูเส็ตส์, มินเนโซต้า, นอร์ธ แคโรไลน่า, โอกลาโฮม่า, เทนเนสซี, เท็กซัส, เวอร์จิเนียและยูท่าห์ ขณะที่นิกกี้ เฮลลี่ คู่แข่งเพียงคนเดียวของทรัมป์คว้าชัยชนะที่รัฐเวอร์ม้อนต์มาได้ ทำให้ล่าสุดเฮลลี่มีชัยชนะอยู่ในมือเพียง 2 รัฐเท่านั้น ทำให้ทิ้งห่างทรัมป์แบบไม่เห็นฝุ่น แต่เฮลลี่ยังยืนกรานไม่ถอนตัวจากการแข่งขัน
ในส่วนของพรรคเดโมแครต ประธานาธิบดีโจ ไบเดน คว้าชัยชนะมาได้ทั้งหมด 14 รัฐตามคาด แต่คาดว่าจะแพ้ให้กับเจสัน พาล์มเมอร์ คู่ท้าชิงโนเนม ที่อเมริกันซามัว ดินแดนในปกครองที่มหาสมุทรแปซิฟิค
ระหว่างแถลงชัยชนะ ทรัมป์ไม่พูดถึงนิกกี้ คู่แข่งจากพรรคริพับลิกันแม้แต่นิดเดียว แต่กลับโจมตีนโยบายผู้ลี้ภัยของไบเดน พร้อมเรียกไบเดนว่าเป็นประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดของสหรัฐ โดยกล่าวว่าขณะนี้เมืองต่างๆทั่วสหรัฐเต็มไปด้วยอาชญากรรมที่เกิดจากผู้ลี้ภัย ขณะที่ไบเดนแถลงตอบโต้ โดยเรียกทรัมป์ว่าเป็นภัยคุกคามประชาธิปไตยของสหรัฐ พร้อมตั้งคำถามคนอเมริกันว่าต้องการขับเคลื่อนประเทศต่อไปข้างหน้า หรือจะปล่อยให้ทรัมป์กลับมาฉุดลากอเมริกาให้ถอยหลังกลับไปสู่ความวุ่นวาย แตกแยกและมืดมนเหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน
ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าการที่ทรัมป์มองข้ามไม่โจมตีเฮลลี คู่แข่งจากพรรคเดียวกัน โดยข้ามช็อตไปโจมตีไบเดน ทั้งๆที่ช่วงนี้เป็นการเลือกตั้งเพื่อเลือกผู้แทนพรรค ทำให้เกือบจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าทรัมป์จะได้รับเลือกเป็นผู้แทนพรรคริพับลิกันมาเจอกับไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้แน่
ทั้งนี้คาดการณ์ว่าทรัมป์จะสามารถรวบรวมผุ้แทนได้ตามเป้าคือ 1 พัน 215 คะแนนจากทั้งสิ้น 2 พัน 429 คะแนน เพื่อคว้าชัยชนะเป็นผู้แทนพรรคริพับลิกันได้ในการเลือกตั้งวันอังคารที่ 12 มีนาคมซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งหลายรัฐ ขณะที่ผู้สมัครพรรคเดโมแครตต้องได้ผู้แทนอย่างน้อย 1 พัน 968 คะแนนจาก 3 พัน 934 คะแนน