ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากการชุมนุมของ กลุ่มนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้จัดกิจกรรมชุมนุมที่แยกอโศก มีการปิดการจราจร ตั้งเวทีปราศรัย ไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด กระทั่งต่อมากลุ่มทะลุแก๊สที่บริเวณแยกดินแดง ได้รวมตัวมั่วสุมก่อความวุ่นวาย ขว้างปาสิ่งของ ยิงหนังสติ๊ก ลูกหิน ประทัดยักษ์ พลุไฟ ระเบิดต่างๆ บริเวณหน้ากรมดุริยางค์ทหาร มีการนำลวดหนามปิดการจราจร จุดไฟเผาทรัพย์สินใต้ทางด่วน เป็นเหตุให้มีทรัพย์สินสาธารณะประโยชน์ ได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ได้จับกุมผู้กระทำความผิดจำนวน 21 คน พร้อมยึดรถจักรยานยนต์และรถเครื่องขยายเสียงรวม 31 คัน และยังมีระเบิดปิงปอง หนังสติ๊ก ลูกแก้ว อีกจำนวนหนึ่ง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และที่เกี่ยวข้องต่อไป
สรุปโดยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน มีการตรวจยึดรถของกลางทั้งสิ้น จำนวน 202 คัน ตรวจสอบดำเนินคดีแล้ว 145 คัน ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 56 คัน ซึ่งหากเป็นของกลางที่มีไว้หรือได้ใช้ในการกระทำผิด พนักงานสอบสวนจะขอให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลเพื่อริบของกลางดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
สรุปการดำเนินคดีกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ห้วงที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน รวม 179 คดี ผู้ต้องหาทั้งหมด 684 คน สามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 427 คน และขอเตือนผู้ปกครองว่า หากบุตรหลานท่านที่เป็นเยาวชนกระทำความผิด ท่านอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปรับแผนเข้าประชิดตัวและไล่จับวัยรุ่นผู้ที่ก่อความวุ่นวาย โดยปรับยุทธวิธี เผชิญหน้ากับกลุ่มม็อบ ซึ่งแหล่งข่าวสายตำรวจได้ให้ข้อมูลกับ ทีมข่าวท็อปนิวส์ ว่า สิ่งที่ตำรวจปฏิบัติ ไม่ได้เรียกว่ายุทธวิธีใดๆ แต่มันเป็นการปรับเปลี่ยนการจับกุมตามสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มบุคคลเหล่านี้เรียกตัวเองว่าม็อบที่เข้ามารวมตัวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องใช้เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้าจัดการ แต่ยิ่งนานวัน ความเลยเถิด และวิธีการเรียกร้องของกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่ได้มาเพื่อประชาธิปไตย แต่มาเพื่อก่อกวนป่วนบ้านเมือง ตำรวจจึงกระทำการตามกฎหมายต่อผู้ที่ชุมนุมมั่วสุม ป่วนเมือง ผู้ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมืองแบบปกติ
.