"บิ๊กโจ๊ก" มอบหมายทนายความ ฟ้อง "บิ๊กเต่า" ข้อหาหมิ่นประมาท หลังไปให้ความเห็นทางคดีผ่านรายการดัง เผยเร็ว ๆ นี้เตรียมแถลงเปิดเผยเส้นทางการเงิน ข้าราชการ ตำรวจ เส้นทางการเงินคล้ายกับที่บิ๊กโจ๊กเผชิญ อาจมีสะเทือนหลายวงการ
ข่าวที่น่าสนใจ
13 มีนาคม 2567 นายณัฐกร โตสกุล ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาลรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาที่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ถนนเจริญกรุง เพื่อฟ้อง พลตำรวจตรีจรูญเกียรติปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
นายณัฐกร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ไปให้สัมภาษณ์ ต่อสื่อมวลชน ที่ ป.ป.ช จากนั้นวันที่ 22 กุมภาพันธ์ได้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ชื่อดัง(เรื่องเล่า ช่อง3) โดยมีการนำข้อมูลสำนวนการสอบสวน ของสน. ทุ่งมหาเมฆและสน.เตาปูน ไปเปิดเผย ซึ่งความจริงแล้วข้อมูลที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน และรายการทีวีชื่อดัง สื่อมวลชนสามารถติดตามได้จากข่าว ซึ่งมีข้อความที่ไม่ควรจะนำมาพูด เพราะเป็นถ้อยคำในสำนวน และเกินเลยออกมาเยอะ ทำให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ได้รับความเสียหาย จึงได้มอบหมายให้ตน ในฐานะทีมทนายความนำเรื่องมายื่นฟ้องต่อศาล ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ฟ้อง 2 กรรม ซึ่งฝ่ายกฎหมายได้พิจารณาดูแล้วถ้อยคำดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ในส่วนของสำนวนของสน.เตาปูนและพื้นที่อื่น ๆ ความจริงแล้วเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด ที่มาจากเส้นทางการเงิน ซึ่งทีมทนายความได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวานแล้ว
ในส่วนที่มีการแถลงข่าวว่า ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับโดยไม่ได้ขอให้ออกหมายเรียก ทีมทนายความได้รับการยืนยันข้อมูลมาจากแหล่งข่าวจึงมีการแถลงต่อสื่อไป ส่วนเรื่องการคัดคำสั่งศาลกำลังดำเนินการ
ส่วนหากมีการออกหมายเรียก ตนเองมองว่าเมื่อศาลไม่มีการออกหมายจับ หมายเรียกก็เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน ซึ่งหากพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คิดว่ามีอำนาจในการออกหมายเรียก ก็สามารถออกได้ ตามอำนาจหน้าที่ แต่ตนคิดว่าพนักงานสอบสวนของตำรวจไม่มีอำนาจแล้ว เนื่องจากเป็นอำนาจของป.ป.ช. ซึ่งหากมีการออกหมายเรียกก็จะต้องโต้แย้งไป เพราะอำนาจหน้าที่ใครก็เป็นอำนาจหน้าที่มัน
โดยข้อกฎหมาย ตามพรบ.ป.ป.ช.ที่ได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวาน ตามมาตรา 30 ประกอบมาตรา 28 ตรงนี้มีความชัดเจน และเส้นทางการเงิน พบเส้นทางการเงิน เส้นเดียว เป็นเรื่องเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสนเตาปูนและสน.ทุ่งมหาเมฆ มาจากเส้นเงินเส้นเดียว ซึ่งที่มีการขอออกหมายจับเมื่อวาน เป็นเรื่องของการฟอกเงิน แต่เมื่อเส้นทางการเงินมาเส้นเดียว คดีจึงอยู่ในอำนาจของป.ป.ช. ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ส่วนพันตำรวจโทคริส ที่เป็นคนทำการเงินให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มีการบันทึกเอกสาร ข้อเท็จจริงทุกอย่างไว้ เป็นหลักฐาน ว่า มีเงินเข้าเงินออกอย่างไร และเงินไปที่ไหน จึงกล้ายืนยัน ซึ่งพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ก็ได้รับข้อมูลเช่นกัน และอาจทราบข้อมูลดีกว่าทีมทนายด้วยซ้ำ ตนยืนยันว่า เส้นทางการเงินมีเส้นเดียว และแตกออกมาเป็นกลุ่มๆ แต่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน ตนก็ไม่ทราบว่า จะมุ่งเน้นเฉพาะเส้นทางการเงินที่มาจาก บิ๊กโจ๊กเส้นเดียวหรือไม่ ความจริงมีเส้นเงินไปสายอื่น ที่เงินไปถึงแต่ได้ทำการสอบสวนหรือไม่ ส่วนหากมีการออกหมายเรียกมาทีมทนายความ ก็ไม่ได้แนะนำว่าไม่ต้องไป แต่แค่แจ้งว่าไม่น่าจะถูกต้อง แต่ในทางปฏิบัติค่อยว่ากันอีกที ตนมองว่าเรื่องเส้นทางการเงิน เป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด
นายณัฐกร ยังกล่าวอีกว่า กังวลว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากเป็นเรื่องภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบเอง อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ ก็จะให้ความเป็นธรรมกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ได้ดีกว่า
ส่วนถ้าหากปปช.ไต่สวนแล้ว มีความเห็นให้อัยการสั่งฟ้อง คดีก็ยังถูกฟ้องอยู่ดี ส่วนรายต่อไปจะฟ้องใครหรือไม่นั้น ถ้าหากที่ผ่านมา มีการทำให้เกิดความเสียหาย กับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ทีมทนายความก็ได้รับมอบหมาย ให้เข้าไปดูทุกเรื่อง ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะฟ้องใครเพิ่ม
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ไปขอหมายจับจะถูกฟ้องด้วยหรือไม่ นายณัฐกรบอกว่า ยังไม่สามารถตอบได้
นายณัฐกรกล่าวย้ำว่า เรื่องเส้นทางการเงิน เร็วๆนี้จะมีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบ อาจเป็นทีมทนายความแถลงรายละเอียดถึงเส้นทางการเงินทั้งหมด ซึ่งความจริงเส้นทางการเงิน ที่มาทางพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์มีจำนวนไม่มาก เท่ากับเส้นทางการเงินที่ไปทางอื่น ซึ่งควรต้องโดนสอบเช่นกัน เรื่องเส้นทางการเงินไปที่ไหนเป็นเรื่องที่ประชาชนควรรับทราบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เคยพูดว่าถ้าแฉออกมาตายหมู่จริงหรือไม่ ทนายพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า ประมาณนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง