“นายกฯ” กล่าวปาฐกถางานเลี้ยงรับรอง BVMW ชูศักยภาพไทย ดึงดูดการลงทุน SME เยอรมนี

“นายกฯ” กล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงรับรองประจำปีของสมาคมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเยอรมนี (BVMW) ชูศักยภาพไทย ดึงดูดการลงทุน SMEs เยอรมนี

“นายกฯ” กล่าวปาฐกถางานเลี้ยงรับรอง BVMW ชูศักยภาพไทย ดึงดูดการลงทุน SME เยอรมนี Top News รายงาน

วันนี้ (13 มีนาคม 2567) เวลา 10.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเบอร์ลิน ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 6 ชั่วโมง) ณ STATION Berlin กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงรับรองประจำปีของสมาคมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเยอรมนี (German Association for Small and Medium-Sized Businesses: BVMW) โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้ร่วมงานเลี้ยงรับรองประจำปีฯ และพบปะกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นเสมือนกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจเยอรมนี และนับเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้สนับสนุนความร่วมมือระหว่าง SMEs ไทยและเยอรมนี นำเสนอศักยภาพของไทย และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ SMEs เยอรมนีในการที่จะเข้ามาลงทุนในไทย พร้อมกล่าวถึงวิสัยทัศน์และนโยบายของรัฐบาล 8 วิสัยทัศน์ รวมถึงได้แสดงความมุ่งมั่นในการกระตุ้นการขยายการลงทุนของ SMEs ในไทย ดังนี้

1. แนวคิดด้านการเปลี่ยนแปลงสีเขียว ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่มีความมุ่งมั่น และมีแนวทางอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสีเขียวมากที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาค และสามารถเป็นแหล่งการผลิตยานยนต์สีเขียวให้เยอรมนีได้ โดยรัฐบาลมีวิสัยทัศน์ในการทำให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคตของภูมิภาค โดยเฉพาะห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

รัฐบาลได้ออกมาตรการ “ตลาดนำ” ที่ส่งเสริมอุปสงค์รถไฟฟ้า พร้อมเพิ่มแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าในการขนส่งมากขึ้น นอกจากนี้ ไทยยังต้องการไฮโดรเจนสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการขนส่งทางไกล และอุตสาหกรรมหนักในไทย ทั้งอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เคมีภัณฑ์ และการแปรรูปอาหาร พร้อมเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับ SMEs ของเยอรมนี ที่เชี่ยวชาญด้านไฮโดรเจนสีเขียว และในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีเป้าหมายที่จะเพิ่มอัตราการผลิตที่ใช้พลังงานสะอาดในการผลิตร้อยละ 50 ภายในปี 2583 และมาตรการ Utility Green Tariff ที่ส่งเสริมการนำพลังงานไฟฟ้าสะอาดไปใช้ด้วย

ข่าวที่น่าสนใจ

2. ระดับภูมิภาค (Regional Community) รัฐบาลมุ่งสร้างโอกาสและยกระดับศักยภาพของประเทศจากข้อได้เปรียบเรื่องตำแหน่งที่ตั้งของไทย และนำเสนอโครงการ Landbridge ซึ่งจะลดระยะเวลาการเดินทางระหว่างสองมหาสมุทร และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบไร้รอยต่อ

สำหรับเป็นศูนย์กลางการบินเพื่อขนส่งผู้โดยสารและสินค้าของโลก ไทยกำลังหารือแนวทางการสร้างสนามบินใหม่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศ ตลอดจนยกระดับสนามบินในเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงจะเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค และด้วยศักยภาพในเชื่อมโยงภูมิภาคอินโดแปซิฟิคดังที่ได้กล่าวมานี้ จึงขอเชิญชวน BMVW มาจัดตั้งสำนักงานตัวแทนในไทยด้วย

3. การเปิดกว้าง รัฐบาลกำลังอยู่ในกระบวนการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป ที่ตั้งเป้าให้ได้ข้อสรุปภายในปี 2568 ซึ่งจะถือเป็นกลไกสำคัญในการขยายการส่งออกจาก EU มาไทยเพิ่มมากกว่า 40% และการส่งออกจาก EU ไปไทยมากกว่า 25% รวมถึงเป็นการยกระดับมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่ดึงดูดให้ประเทศในสหภาพยุโรปอื่น ๆ มาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน ไทยยังอำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจ ด้วยโครงการการยกเว้นวีซ่าและการตรวจลงตราวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ไทยในฐานะศูนย์กลางของการท่องเที่ยวของโลก ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันมากกว่า 7 แสนคน ในปี 2566 ในทางกลับกัน รัฐบาลหวังว่าคนไทยจะได้รับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปเยอรมนีและ EU มากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถพำนักระยะสั้นโดยไม่ต้องขอวีซ่า

4. ความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งครอบคลุมถึงความยั่งยืน ทั้งในการตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก โดยให้ความสำคัญกับการเกษตรกรรมที่ยั่งยืน เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืน โดยการเปลี่ยนผ่านสีเขียวจะเป็นโอกาสอันดีสำหรับเยอรมนีในการนำเทคโนโลยีมามีส่วนร่วมในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก

งานเลี้ยง

นอกจากนี้ ความยั่งยืนยังรวมถึง การให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยนชน ความรับผิดชอบ และความเท่าเทียม ซึ่งไทยมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในฐานะประเทศแรกของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ได้นำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนมาใช้ โดยพร้อมแสวงหาความร่วมมือกับภาคธุรกิจของเยอรมนี ในการปฏิบัติตาม Supply Chain Due Diligence Act ของเยอรมนี ที่มีจุดประสงค์มุ่งผลักดันให้ทั่วโลกทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ตามหลักสิทธิมนุษยชน และแนวคิด ESG

5. การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) ระหว่างไทยและเยอรมนี ซึ่งจะเป็นเวทีในการสนับสนุนให้เกิดการหารือกันระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับการสร้างและแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจของทั้งสองประเทศ

นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้ายว่า แนวคิดข้างต้นล้วนจะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับศักยภาพความร่วมมือไทย-เยอรมนี พร้อมกล่าวเน้นย้ำว่า SMEs ของเยอรมนีจะมีโอกาสเติบโตมี Big Future ในไทยอย่างมหาศาล

นายกฯ    

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

คอหวยแตกตื่น!!แห่ร่วมพิธีและส่องเลขหางประทัดพิธีอัญเชิญพระบรมรูปทรงม้าสมเด็จพระเจ้าตากสินขึ้นประดิษฐาน ณ วัดคงคาเลียบเมืองคอน
"เจ๊อ้อย" เปิดใจหลังให้ปากคำเป็นวันที่ 4 พร้อมเอาผิด "ทนายตั้ม" ยืนยันคำเดิม เงิน 71 ล้าน ไม่ได้ให้โดยเสน่หา
"สุสานเนอร์วาน่า" แจงชัดไร้ส่วนเกี่ยวข้อง พิธีซื้อที่ดินสะเดาะเคราะห์ต่อชีวิตของ "หมอดูฮวงจุ้ย"
“อนุทิน” มอง “ปทุมธานี” เป็นเมืองต้นแบบกระจายอำนาจ ยินดี “บิ๊กแจ๊ส” นั่งนายกฯอบจ.
สุดเศร้า ลูกเศร้า กลับจากโรงเรียนเจอพ่อผูกคอดับ ขณะแม่ได้ข้อความขอโทษจากลูกชาย แต่ไม่ได้เอะใจ
จังหวัดฉะเชิงเทรา จัดงานนมัสการหลวงพ่อโสธรและงานประจำปีจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 134 ระหว่างวันที่ 12 - 24 พฤศจิกายน 2567 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา
‘ทนายไพศาล’ ยืนยันไม่ได้เป็นทนายให้ ‘ซินแสดัง’ขออีกฝ่ายอย่าเอารูปถ่ายคู่กันไปแอบอ้าง
งาน CIIE ครั้งที่ 7 เปิดฉากแล้วที่จีน
ตร.เมืองชล ตั้งด่านป้องปรามอาชญากรรม-ยาเสพติดกลางดึก หนุ่มขนยาบ้า 3 แสนเม็ด ขับผ่านด่านแต่ไม่รอด สารภาพรับจ้างขนยา 3 หมื่น ยังไม่ได้รับค่าจ้าง ถูกจับเสียก่อน
เลือกตั้งสหรัฐเปิดฉากขึ้นแล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น