"พิพัฒน์"ปลื้มผลสำเร็จหารือรมว.แรงงานเกาหลีใต้ เพิ่มโควต้างานภาคอุตฯอีก 15%
ข่าวที่น่าสนใจ
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สาธารณรัฐเกาหลีมีนโยบายกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราสูงตามภาวะการครองชีพ และมีกฎหมายมาตรฐานแรงงานที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตการทำงาน ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นจุดหมายสำคัญในการเดินทางไปทำงานของแรงงานต่างชาติทุกชาติ ไม่เว้นแรงงานชาวไทย ประกอบกับเกาหลีใต้ขาดแคลนแรงงานทักษะต่ำ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิตขนาดกลางและขนาดย่อม งานภาคเกษตรกรรม และงานบริการ ซึ่งฝ่ายไทยได้เจรจาขอเพิ่มโควตานำเข้าแรงงานต่างชาติ (EPS) ในปี 2567 สำเร็จ โดยเกาหลีใต้เพิ่มโควตางานภาคอุตสาหกรรม เป็น 5,500 อัตรา หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปี 2566 และยังชื่นชมกระบวนการจัดส่งแรงงานโดยกรมการจัดหางานว่าเป็นไปอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ จึงให้ประเทศไทยจัดส่งแรงงานภาคบริการ และท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งประเภทกิจการ เพื่อไปทำงานในโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ซึ่งถือเป็นโอกาสดีของแรงงานเพศหญิง
นอกจากนี้ ยังเสนอการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ตามโครงการเปลี่ยนวีซ่าแรงงานไร้ฝีมือ E-9 เป็นแรงงานฝีมือ วีซ่า E-7-4 เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานทักษะให้เกาหลี พร้อมกับช่วยให้แรงงานไทยมีรายได้ สวัสดิการ และเงื่อนไขการพำนักในเกาหลีที่ดีขึ้น โดยฝ่ายไทยยังเสนอให้พิจารณาโควตาทักษะฝีมือ (E-7) ให้แรงงานไทย ซึ่งฝ่ายเกาหลีจะรวบรวมข้อเสนอจากประเทศผู้ส่งให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ฝ่ายไทยเสนอให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาขยายระยะเวลาโครงการนิรโทษกรรม เพื่อเดินทางกลับประเทศโดยสมัครใจ ทางการเกาหลีแจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้ แต่การแก้ไขปัญหาแรงงาน ผิด กฎหมายของฝ่ายไทย จะส่งผลดีต่อการพิจารณาโควตาแรงงานไทยในปีต่อๆไป
ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า การเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีในครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญคือการเพิ่มโอกาสการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ตามนโยบายที่นายพิพัฒน์ มอบไว้ให้กรมการจัดหางาน ซึ่งการจะบรรลุวัตถุประสงค์ได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากรัฐบาลเกาหลีใต้ ในการแสวงหาโอกาส ลดข้อจำกัด และสร้างสรรค์แนวทางแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ความต้องการของประเทศผู้รับ และประเทศผู้ส่งแรงงานสอดคล้อง เกิดประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ไปพร้อมกับส่งเสริมแรงงานไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง