เร่งปิดจ็อบ “ก้าวไกล” คดีล้มล้างสกัดทำหน้าที่ย้อนเกล็บแสบเหมือนเคยหาเรื่อง “บิ๊กตู่” หยุดทำหน้าที่ดักคอแนวร่วม 3 นิ้วขวางนิรโทษกรรมเหมาเข่ง

เร่งปิดจ็อบ "ก้าวไกล" คดีล้มล้างสกัดทำหน้าที่ ส.ส.ย้อนเกล็บแสบเหมือนเคยหาเรื่อง "บิ๊กตู่" หยุดทำหน้าที่ ดักคอแนวร่วม 3 นิ้วขวางนิรโทษกรรมเหมาเข่ง

TOP News รายงานประเด็นร้อน ย้อนเกล็ด พรรคก้าวไกล ได้แสบถึงทรวงจากฝีมือของ นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร หอบเอกสารหลักฐานคดีล้มล้างการปกครองที่ พรรคก้าวไกล กำลังจะโดนยุบพรรคในเร็ว ๆ นี้ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. สั่งให้พรรคก้าวไกลหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เหมือนกับที่ พรรคก้าวไกลเคยหาเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปกว่าเดือน รอคำตัดสินวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี จึงต้องลุ้นระทึกว่า กกต.จะกล้างัดยาแรงสั่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พ่วงกรรมาธิการบริหาร และ 44 ส.ส.หยุดทำหน้าที่หรือไม่ เนื่องจาก กกต. ถือเป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถส่งเรื่องขอให้พรรคการเมืองที่ถูกร้องยุติการดำเนินการใดๆได้

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันกับกรณีที่สส.พรรคก้าวไกล ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ในขณะนั้น พร้อมพ่วงขอให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย โดย สส. 44 คน ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็มีส่วนร่วมส่งคำร้องกรณี พล.อ.ประยุทธ์ เช่นกัน ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ดังนั้นเมื่อ กกต.จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคก้าวไกล ก็ขอให้เสนอเรื่องให้พรรคก้าวไกล ยุติการดำเนินการใดๆไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยถึงที่สุด

ทั้งนี้ ตนจึงเชื่อมั่นว่าหากพรรคก้าวไกล แสดงพฤติกรรมหรือท่าทียอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และพร้อมที่จะแก้ไขลดเพดานการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เชื่อว่าจะไม่มีการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งข้อเท็จจริงในประเด็นนี้มีความชัดเจนในทุกอณูของคำวินิจฉัย โดยอาศัยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถึง 2 ครั้ง และรวมถึงหลักฐานการกระทำต่างๆที่เกิดขึ้นของพรรคก้าวไกล

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในประเด็นที่พรรคก้าวไกลจะชี้แจงก็สามารถส่งให้เรื่องศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เชื่อว่าศาลพร้อมที่จะฟังพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องออกมาพูดข้างนอกถึงการทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมองว่าเพื่อเป็นการดิสเครดิต ทำลายความน่าเชื่อถือ

นายสนธิญา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นักวิชาการมองว่าการยุบพรรคก้าวไกล ก็จะไม่จบ เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวทำงานการเมืองอย่างต่อเนื่อง นายสนธิญา กล่าวว่า การที่พรรคก้าวไกลถูกยุบเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปตามระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้ไม่มีใครกลั่นแกล้ง หากพรรคก้าวไกลไม่ดำเนินการ ก็จะไม่มีผู้มาร้อง และผู้ที่มาร้องก็มีหลักฐานและเหตุผลประกอบให้ กกต.พิจารณา พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ ให้เข้าใจว่ากระบวนการเหล่านั้นเป็นไปตามกฎหมาย แล้วตราบใดที่พรรคก้าวไกลยังดำเนินการ ขัดกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญก็จะถูกยุบ หรือตัดสิทธิทางการเมืองไปเรื่อยๆซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

ยิ่งได้เห็นท่าทีเปิดเกมรุกของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ออกโรงมากระทุ้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รีบส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาว่า กรณีข้อเท็จจริงในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 3/2567 จะเป็นเหตุให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จำนวน 44 คน เข้าข่ายมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่ เพราะนายเรืองไกร มั่นใจว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มีผลเป็นเด็ดขาดผูกพัน ป.ป.ช. ด้วย ที่สำคัญ เมื่อ กกต. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจไปแล้ว ในวันนี้ ต้องถึงคิว ป.ป.ช. ต้องทำหน้าตามหน้าที่ และอำนาจ จงรีบส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเด็ดปีก 44 ส.ส.โดยเร็ว

เช่นเดียวกับที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกมาคัดค้านความเห็นของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำนปช.มองคดี ม.112 เป็นเงื่อนไขทางการเมือง หากอยากคลี่คลายความขัดแย้งควรขยายพื้นที่การนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมถึงความผิดมาตรานี้ด้วยนั้น ว่า ก่อนอื่นบุคคลในฝ่ายการเมืองต้องตั้งหลักให้ถูกต้องก่อน เพราะคดีชุมนุมทางการเมือง กับ คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เป็นการหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ เป็นคนละเรื่องที่จะนำมาเหมารวมว่าเป็นการเมืองไม่ได้ ยกตัวอย่างหากมีใครมาด่าว่า หมิ่นประมาทบุพการีของเรา แบบเสียๆหายๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเมือง เจ้าตัวจะยอมหรือไม่ ผมเข้าใจว่าที่หลายคนมองเรื่องนี้ผิดไปเป็นเรื่องการเมืองนั้น เนื่องจากมีบางพรรคการเมืองให้การสนับสนุนกลุ่มเยาวชน คนรุ่นใหม่ ออกมาเคลื่อนไหว เมื่อมีความผิดก็คิดว่าเป็นคดีทางการเมืองซึ่งไม่ใช่ และที่สำคัญศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ชี้ชัดแล้วว่าการออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรานี้ถือเป็นการล้มล้างการปกครอง ผมจึงอยากให้ทุกฝ่ายทางการเมืองตั้งสติ แยกประเด็นให้ถูกต้อง

เมื่อถามว่าหากนิรโทษกรรมไม่รวมคดี ม.112 จะมีการแก้ปัญหาความเห็นต่างในบ้านเมืองอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า สังคมไทยมีหลายเวทีให้แสดงความคิดเห็นตามหลักประชาธิปไตย ทั้งเวทีสาธารณะและเวทีสภา ซึ่งตนมองว่าควรที่จะเคารพความเห็นต่างของทุกฝ่าย แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง หรือ บางกลุ่ม ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน สมควรที่ปัญญาชนต้องเคารพสิทธิเสรีภาพคนอื่นในสังคม ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น โดยอ้างเหตุผลของกลุ่มตนเองฝ่ายเดียวมากกว่านั้น พรรคการเมืองหรือผู้ใหญ่ต้องชี้แนะ และให้คำปรึกษาที่ถูกต้องแก่คนรุ่นใหม่ ไม่เป็นการให้ท้ายในทางที่ผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นความมั่นคงของรัฐ ต้องให้ความสำคัญใครจะละเมิดไม่ได้ ถือว่าเป็นการสร้างความแตกแยกและบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ

“คุณณัฐวุฒิ ควรยึดหลักการให้ดี ไม่ใช่เห็นว่าเป็นการชุมนุมแล้วเหมารวมว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองไปเสียหมด ต้องมาดูว่าเจตนาและเป้าหมายของการชุมนุมและการแสดงความเห็นต่างๆนั้น ต้องการอะไรกันแน่ ความคิดเห็น ความชื่นชอบทางการเมืองแตกต่างกันได้ แต่ต้องไม่สร้างความแตกแยก ทำกิจกรรมโดยความสงบ และต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย หากทำผิดเรื่องความมั่นคงของรัฐ ไปแตะต้องเบื้องสูงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ไม่ถูกต้อง และศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยชี้ชัดมาแล้ว ซึ่งนายณัฐวุฒิก็ยอมรับเองว่าไม่เคยมีการเคลื่อนไหวแบบนี้มาก่อน จึงมองว่าเรื่องนี้ก็ไม่ควรที่จะได้รับการนิรโทษกรรม เพราะไม่ใช่การเมือง” นายธนกร กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เช็กด่วน อย.เร่งเรียกคืน ยาด็อกซีไซคลิน 7 รุ่นการผลิต ผิดมาตรฐาน
"รมว.ยธ." แจงขั้นตอนย้าย “โกทร” มาเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
โครงหลังคาโกดังสูง 10 เมตรถล่ม คนงานร่วง-เหล็กทับร่างซ้ำ เจ็บสาหัสเพียบ
"ไทยสมายล์บัส" ตั้งเป้าปี 68 พัฒนาระบบเทคโนโลยี ดันเป้าผู้โดยสารโตต่อเนื่อง จ่อรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
"หน.กู้ภัย" มือโพสต์แจกรองเท้าฟรี เข้าพบตร. เผยยอมเยียวยาคุณป้าเจ้าของ หากตนผิดจริง
อบจ.ฉะเชิงเทรา เปิดโครงการแข่งขันกีฬาสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา "อปท.ฉะเชิงเทราเกมส์" ครั้งที่ 3
เจ้าอาวาสหนีโรครุมเล้าผูกคอมรณภาพ
ลุงวัย 61 ปี ปลิดชีพหน้าเทศบาล หลังลูกหนี้เบี้ยวไม่จ่าย สุดขนลุก มีคนเห็นวิญญาณนั่งร้องไห้ใต้ต้นไม้
"ตร.ปราจีนบุรี" โอนสำนวนคดี "สจ.โต้ง" ให้กองปราบฯแล้ว
ทหารเข้มชายแดนแม่สอด หลังเมียวดีระส่ำ "อหิวาตกโรค" ระบาดหนัก เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รักษาตัวที่รพ.กว่า 300 คน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น