ในระหว่างกล่าวปราศรัยหาเสียงกับผู้สนับสนุน ที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ เมื่อสุดสัปดาห์ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน เริ่มต้นด้วยการกล่าวยกย่องผู้สนับสนุนที่้ต้องติดคุก ฐานก่อจลาจลที่แคปปิตอล ฮิลล์ หรือสภาสหรัฐ เพื่อพยายามขัดขวางการรับรองชัยชนะเลือกตั้งของ โจ ไบเดน เมื่อ 6 มกราคม 2564 โดยทรัมป์ เรียกผู้กระทำผิดเหล่านั้น เป็นผู้รักชาติ ก่อนกลับมาอ้างเรื่องเดิมแบบไม่มีมูลความจริงอีกครั้งว่า การเลือกตั้งในปี 2020 ที่เขาพ่ายให้กับ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตนั้น เป็นเพราะมีการโกงเลือกตั้ง ทั้งยังคาดการณ์ว่า หากไม่ชนะเลือกตั้ง 5 พฤศจิกายน ก็จะไม่มีการเลือกตั้งอีกแล้วในประเทศนี้
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังประกาศด้วยว่า หากเขาไม่ได้รับเลือกตั้งครั้งนี้ จะ“นองเลือด”ทั้งประเทศ ( it’s going to be a bloodbath for the whole country) ซึ่งไม่ชัดเจนว่าทรัมป์กำลังหมายถึงอะไรกันแน่ แต่ผู้สื่อข่าว นิวยอร์ก ไทมส์ โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ว่า ทรัมป์ใช้คำว่า “นองเลือด” ในระหว่างปราศรัยเรื่องภาษีรถนำเข้า และการแข่งขันจากต่างชาติในอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐ โดยทรัมป์สัญญาว่า เขาจะเก็บภาษีนำเข้า 100% กับรถทุกคันที่ผลิตนอกประเทศ และว่าจีนจะไม่สามารถขายรถที่นำเข้ามาในสหรัฐได้สักคัน หากเขาชนะเลือกตั้ง
ขณะที่ เจมส์ ซิงเกอร์ โฆษกทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการใช้คำว่า นองเลือด ในการหาเสียงว่า เป็นความสุดโต่งของทรัมป์ ความกระหายล้างแค้น และ เป็นการขู่ใช้ความรุนแรงทางการเมือง ต้องการจะให้เกิดเหตุการณ์แบบ 6 มกราคมอีกครั้งหนึ่ง