“เพื่อไทย” สอนงาน “พิธา” ดับไฟป่าด้วยกึ๋นเตือน “ก้าวไกล” สังคมประชาธิปไตยไม่ควรใช้เฮทสปีชปั่นวาทกรรม

บิ๊ก "เพื่อไทย" สอนงาน "พิธา" วิธีดับไฟป่าด้วยกึ๋น ป้องนายใหญ่เตือน "ก้าวไกล" สังคมประชาธิปไตยไม่ควรใช้เฮทสปีชปั่นวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง

TOP News รายงานประเด็นร้อน นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเศรษฐกิจขณะนี้แย่กว่าช่วงต้มยำกุ้ง ว่า ขอชี้แจงว่าสิ่งที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ในขณะที่พบปะพี่น้องนั้น ท่านพูดในฐานะคนที่ห่วงใยบ้านเมือง ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง และการพูดก็ไม่ได้หมายความว่าต้องการให้เห็นว่าเศรษฐกิจวิกฤตเพื่อใช้เป็นข้ออ้างนำไปผลักดันนโยบายดิจิตอลวอลเล็ตแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะดำเนินการ แต่ท่านพูดด้วยเจตนาบริสุทธิ์ และนายพิธาเอง ก็ยอมรับว่าเศรษฐกิจนั้นซึมลึกมาร่วม 10 ปี และปีที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งไม่มีสงครามหลายจุดทั่วโลก ซึ่งกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจเช่นขณะนี้ถามประชาชนรู้คำตอบว่าเศรษฐกิจตอนนี้กระทบตั้งแต่คนยากจนไปจนถึงบริษัทใหญ่

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายนพดล กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่นายพิธา เตือนรัฐบาลอย่าบริหารเศรษฐกิจแบบหยดน้ำอย่างที่เคยชิน แต่ควรบริหารเศรษฐกิจแบบฐานรากว่า ความจริงนายพิธา น่าจะรู้ดีว่าจุดแข็งของเพื่อไทยคือเราเน้นเศรษฐกิจฐานราก เน้นการรดน้ำที่ราก นโยบายในอดีตสมัยพรรคไทยรักไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดค่าใช้จ่าย และความเหลื่อมล้ำให้ประชาชน เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค การเข้าถึงแหล่งทุนเช่นกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนเอสเอ็มแอล ล้วนนำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจฐานราก และลดความเหลื่อมล้ำ ความจริงนายพิธา เคยไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลสมัยที่ท่านทักษิณเป็นนายกฯ น่าจะเข้าใจประเด็นนี้ดี

นายนพดล ได้กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ได้สัมภาษณ์ว่าคนไม่ชอบหน้าให้ต่างคนต่างอยู่นั้น นัยยะของคำพูดคือแม้มีความเห็นต่างแต่อยู่ในสังคมกันได้ ไม่ต้องขัดแย้งกัน และที่เดินทางไปเชียงใหม่ก็ไปไหว้บรรพบุรุษและพบปะประชาชนตามตลาดบ้าง เยี่ยมชมผลงานสมัยที่เป็นนายกฯ บ้าง การให้ความเห็นเรื่องฝุ่น P.M. 2.5 ก็เพราะรักและเป็นห่วงประชาชน การไปเชียงใหม่ไม่ใช่การรณรงค์ทางการเมือง

นายนพดล กล่าวว่า แต่การที่น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสส.พรรคก้าวไกล โพสต์พาดพิงในทางที่เสียหาย ว่านายทักษิณ เห็นแก่ตัว ไหนบอกจะเลี้ยงหลาน ไม่ปลง มักใหญ่ใฝ่สูง อยากเป็นสมเด็จแบบฮุนเซนนั้น ตนถือว่าล้ำเส้นไปมาก เป็นการใช้จินตนาการและใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม การวิจารณ์เช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อใคร และสังคมประชาธิปไตยไม่ควรใช้เฮทสปีชหรือวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง และพรรคเพื่อไทยได้กำชับลูกพรรคแล้วว่าเวลาวิจารณ์ใครควรตั้งบนข้อเท็จจริงให้ความเป็นธรรม และอย่าไปใส่ร้ายหรือใช้เฮทสปีช เพราะไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาประชาธิปไตย

 

ขณะที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โพสต์เฟซบุ๊ก “ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี” เรื่อง “ดับไฟป่าด้วยมือและสติปัญญา” ระบุว่า ดับไฟป่าด้วยมือและสติปัญญา

ตอนนี้บังเอิญผมอยู่เชียงใหม่ ต้องออกมาในที่โล่งทั้งกลางวันและกลางคืน เช้าพอทนไหว ตกกลางคืนแสบตาคงเพราะ PM2.5อย่างแน่นอน พอตื่นขึ้นมาอีกวัน อ่านนสพ. คราวนี้ต้องแสบตาเพราะคำแนะนำเรื่องไฟป่าของ คุณพิธา ต่อนายกรัฐมนตรี

ผมน่ะเชี่ยวชาญเรื่องไฟป่ากว่าคุณพิธาแน่นอน คุณพิธาพูดเรื่อง Timeline ของการเกิดไฟป่าในประเทศไทย พูดเรื่องการหาน้ำ หาคนมาดับไฟป่า ทั้งหมดถูกต้อง รวมถึงคุณพิธาให้ความสำคัญกับ logistics นับว่า เป็นคำแนะนำที่ถูกต้อง แต่ขอติงเรื่องวาทะกรรมสักนิดคือ การพูดเรื่องธนาคารน้ำและเหยี่ยวไฟ ผมว่า มันการ์ตูนไปนิดหนึ่ง แต่ผมเข้าใจว่า คุณพิธาพูดเรื่องอะไร

ผมจะเล่าให้ฟังว่า เมื่อเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ในปี2541 ผมทำอะไรเกี่ยวกับไฟป่าบ้าง

1.จัดตั้งสำนักควบคุมไฟป่า (วันนี้มีคนบ้ามายกเลิกไปแล้ว)

2.จัดตั้งหน่วยพิเศษเคลื่อนที่เร็ว สามารถโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ได้ด้วยมีชื่อว่า เสือไฟ (ดูเหมือนคุณพิธาจะเอามาแปลงชื่อเป็น เหยี่ยวไฟ)

3.จัดตั้งสถานีดับไฟป่าทุกจุดที่ล่อแหลม จำได้ว่า เกือบร้อยจุดทั่วประเทศ โดยมีลูกมือผู้ช่วยคือชาวบ้านในละแวกนั้น

4.จัดทำฐานจอดเฮลิคอปเตอร์บนสันเขาพร้อมกับจัดเตรียมถังน้ำที่ดัดแปลงมาจากถังน้ำมัน ไปวางไว้เพื่อเติมน้ำให้กับพนักงานดับไฟป่า (คุณพิธาเรียกว่า ธนาคารน้ำ)

5.จัดอุปกรณ์เช่น ไม้ตบไฟ ถังฉีดน้ำ (ไม่ได้มีไว้ดับไฟโดยตรง แต่ใช้ดับไฟที่ยังคุอยู่ตามต้นไม้)

6.จัดหารถยนต์กระบะสูงสีแดงให้ 200 คัน

เหล่านี้เป็นต้น

สุดท้ายก็คือคำสั่งว่า ในช่วงฤดูไฟป่า จนท.ทุกคนตั้งแต่นายยันลูกน้อง ทำหน้าที่ดับไฟอย่างเดียวไม่ต้องทำอย่างอื่น และคาดโทษว่า ไฟไหม้ที่ไหนเกิน 3 วัน ย้ายลูกเดียว! เชื่อไหมครับ ไฟป่าลดลงไปนับเป็น 100เท่าตัวเทียบกับปีก่อนที่ผมมาอยู่

เรื่องTimeline คุณพิธาพูดถูก เดือนที่ผ่านมาเป็นเรื่องของกรุงเทพฯและภาคกลาง ช่วงนั้นมีควันแต่ไม่มีไฟ เพราะPM2.5 เกือบ80%มาจากเขมรและการเผาไร่อ้อยและซังข้าว แถมด้วยไอเกลือ (Aerosol)จากทะเลที่มาช่วยยึดเหนี่ยวควันไม่ให้ไปไหน สำหรับTimeline วันนี้คือ ภาคเหนือ คราวนี้ต้องสู้กับทั้งไฟป่าและหมอกควันที่มาจากพม่า

สำหรับภาคเหนือช่วงไหนจะมีควันและPM2.5มากน้อยก็จะขึ้นอยู่กับลมบนระดับสูงมาก ซึ่งมาจากจีน จะเป็นลมเย็นที่ค่อนข้างหนัก เป็นตัวสร้างฝาชีครอบหุบเขา ไม่ให้มีการถ่ายเทอากาศ ส่วนลมชั้นกลางและชั้นล่างก็จะนำทั้งความร้อนและความชื้นขึ้นมาจากทางตอนใต้ มาอัดอยู่ในฝาชี ฝนตก ฝาชีแตกเมื่อไหร่ ควันก็จะหายไปทีหนึ่ง

ส่วนฝ่ายปกครอง การส่งเสียงตามสายตอนเช้าแค่นั้น ไฟไม่ดับหรอกครับ เท่าๆกับบรรดาผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย เพียงแค่ประกาศว่า จะสู้ไฟสู้ควันได้ ก็แก้ปัญหาไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้ต้องลงพื้นที่และอยู่หน้าหน้างานเท่านั้นครับ ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้ตำหนิใคร เพียงอยากแนะนำหรือจะตีความว่า สอนก็ได้ เพราะผมเป็นคนที่รู้เรื่องนี้มากที่สุดแน่นอน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น