สมควรโดนเช็กบิล "รองอ๋อง" ผวาติดร่างแหคดีล้มล้างตกเก้าอี้อดเสพติดอำนาจ เช็กบิล ส.ส.อมเงินหาเสียงแทงข้างหลังเพื่อน
ข่าวที่น่าสนใจ
ยิ่งได้เห็นชะตากรรมร่อแร่ของ “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี โดน ป.ป.ช. เด็ดปีกตัดสิทธิทางการเมืองไปตลอดชีวิตข้อหาผิดจริยธรรม คดีบุกรุกป่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดกระเป๋าฉีกโดนคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เรียกเงินคืนให้จ่ายเงิน 7.6 ล้านบาทค่าเลือกตั้งซ่อม ชะตากรรม เอ๋ ปารีณา เหมือนเชือดไก่ให้ลิงดูคล้าย ๆ คดีล้มล้างการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ นายพิธา กอดคอร่วงกับนายปดิพัทธ์ พ่วง กรรมการบริหารพรรคที่มีกำลังเดินซ้ำรอยในคดียุบพรรค โดยเฉพาะชะตากรรมรุ่งริ่งของ 44 ส.ส.ก้าวไกล ที่ไปร่วมลงชื่อแก้มาตรา 112 ในคดีล้มล้างการปกครอง จ่อถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปตลอดชีวิตตามรอย “เอ๋” ปารีณา ข้อหาผิดจริยธรรม
เหมือนโดนซ้ำดอกสอง เมื่อนายสนธิญา สวัสดี นักร้องตัวตึงเบอร์ต้น ๆ ย้อนเกล็ดแสบถึงทรวงด้วยการหอบเอกสารหลักฐานคดีล้มล้างการปกครองที่ พรรคก้าวไกล กำลังจะโดนยุบพรรคส่งให้ กกต. สั่งให้พรรคก้าวไกลหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เหมือนกับที่ พรรคก้าวไกลเคยหาเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปกว่าเดือน รอคำตัดสินวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี ต้องวัดใจ กกต.จะกล้าเล่นไม้แข็งสั่ง นายพิธา พ่วง 44 ส.ส.หยุดทำหน้าที่หรือไม่
มิหนำซ้ำเรื่องฉาวพรรคก้าวไกลโผล่มาให้เห็นเรื่อย ๆ กรณี 4 ผู้ช่วยหาเสียงของ นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร สส. เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ออกมาแฉแหลก ว่าถูก นายภัทรพงษ์ อมเงินหาเสียง ด้วยการปลอมลายเซ็นและเอกสารไปเบิกเงินกับทาง กกต.เชียงใหม่ และได้แจ้งความกับตำรวจและให้กกต.เชียงใหม่ตรวจสอบ พร้อมยื่นฟ้องต่อศาลเชียงใหม่ ในที่สุดหลักฐานมัดแน่นจนดิ้นไม่หลุดทำให้ศาลชี้มูลความผิด แต่เจ้าตัวในฐานจำเลยไม่กล้าไปขึ้นศาล ศาลจึงออกหมายเรียกใหม่ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ หากเบี้ยวนัดมีหวังต้องเข้าซังเต เตรียมหลักทรัพย์มาค้ำประกันตัวเองรอได้เลย
สืบประวัติดู เงินที่นายภัทรพงษ์อมไปไม่ได้มากมาย แต่เหตุใดเลือดขึ้นหน้าถึงแทงข้างหลังเพื่อนร่วมอุดมการณ์ด้วยกันได้ลงคอ เพราะจากการให้ปากคำ 4 คน พบว่า 2 ผู้เสียหายช่วยงานด้วยใจศรัทธาและเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคจึงอาสามาเป็นผู้ช่วยหาเสียงโดยไม่รับเงินแม้แต่บาทเดียว แต่อีก 2 คน รับเงินเป็นค่าจ้าง 9 พันบาท แต่กลับกลายเป็นว่านายภัทรพงษ์ กลับแทงข้างหลัง นำเอกสารไปเบิกเงินกับ กกต. ถึง 18,020 บาทต่อคน ส่วนอีก 2 คนที่อาสามาช่วยงานโดยไม่คิดเงิน กลับนำสำเนาเอกสารบัตรประชาชน พร้อมปลอมลายเซ็นไปเบิกเงินกับ กกต.หน้าตาเฉย เป็นเหตุพวกเดียวกันต้องออกมาแฉแหลกเพื่อทวงคืนความยุติธรรมจากนายภัทรพงษ์ ที่ได้เป็น ส.ส.สมัยแรกเข้าสภาได้ เพราะขี่กระแสส้มฟีเวอร์ไม่เคยมีผลงานทางสังคมเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้นสมควรแล้วที่โดนคดีอมเงิน หรือ โดนยุบพรรคถีบ รองอ๋อง ตกเก้าอี้รองประธานสภาอดเสพติดอำนาจด้วยประการฉะนี้เอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง