DSI ตรวจค้น 5 เป้าหมาย เครือข่ายส่งออกน้ำมันโกฟุก พื้นที่ชลบุรีหลังทางการพม่ายืนยันไม่มีบริษัทฯ รับซื้อน้ำมันในพม่า

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสืบสวน ขยายผลจากคดีพิเศษที่ 10/2567 กรณีเครือข่าย “โกฟุก” นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์หลอกลวงให้ประชาชนเข้าซื้อรางวัลเลขท้ายของรางวัลที่ 1 และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว โดยอ้างอิงผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมทั้งนำผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ มาประกอบในการเชิญชวนให้มีการเล่นการพนันภายใต้หลายเว็บไซต์ เช่น ร่ำรวย ร้อยล้าน นพเก้า นาคราช ชอบหวย ล้อตโต้เอ็มเอ็ม ดีเอ็นเอ เยเย่ และอื่นๆ เบื้องต้นพบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1,000 ล้านบาท พบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกรณีที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎรได้ส่งเรื่องขอให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกรณี กลุ่มผู้บริหารและผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมีพฤติการณ์เป็นขบวนการลักลอบจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในทั้งในและต่างประเทศ และเป็นผู้ซื้อน้ำมันเพื่อการส่งออกแต่ไม่มีการส่งออกอย่างแท้จริงโดยนำกลับมาจำหน่ายในประเทศ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นมีการฟอกเงินรายได้จากบ่อนคาสิโนแนวชายแดน หวยใต้ดินและสินค้าหนีภาษี อันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ 2560 ประมวลกฎหมายรัษฎากร และกฎหมายฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษที่ 116/2563 ที่สอบสวนอยู่ ซึ่งจากการสอบสวนขยายผล พบพฤติการณ์ต้องสงสัยว่า บริษัท Chindwin สัญชาติเมียนมา ที่แต่งตั้งนายสง่า หรือโกฟุก เป็นตัวแทนดำเนินการซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทยเพื่อส่งออกไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาโดยได้รับการยกเว้นทางภาษีมีตัวตนหรือไม่ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงดำเนินการขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (MLAT) ตรวจสอบสถานะของบริษัท ชินด์วิน จำกัด (Chindwin Company Limited) ผลการตรวจสอบพบว่าไม่มีการจดทะเบียนในนามบริษัท Chinwind จำกัด ในสารบบนิติบุคคลของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา อีกทั้ง บริษัท Chinwind ไม่ได้เปิดดำเนินการหรือมีสถานประกอบการตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารใบสั่งสินค้า (Purchase Order) บัญชีราคาสินค้า (Invoice) และเอกสารใบรับสินค้า (RECEIVING OF MERCHANDISE) ที่นำมาแสดงต่อบริษัทผู้ขายน้ำมัน จึงมีเหตุจำเป็นต้องตรวจสอบต้นทางคือนิติบุคคลและสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งออกน้ำมันไปยังต่างประเทศ คณะพนักงานสอบสวนจึงมีมติร่วมกับพนักงานอัยการที่ร่วมสอบสวน ยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเข้าตรวจค้นสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง รวม 5 จุด ในวันนี้

ข่าวที่น่าสนใจ

ประกอบด้วย
จุดที่ 1 บริษัท ทีพีทีเอ็ม โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท น้ำโขง โลจิสติกส์ จำกัด อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
จุดที่ 2 บริษัท ศิธา โลจิสติกส์ จำกัด อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
จุดที่ 3 บริษัท โชคชัยพัฒนาออยล์ จำกัด อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
จุดที่ 4 บริษัท จิดาภา ทรานสปอร์ต จำกัด และ บริษัท สกลพัฒน์ ทรานสปอร์ต จำกัด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร
จุดที่ 5 ท่าเรือสินพารา (ท่าเรือโกกวด) หรือ ห้างหุ้นจำกัด สินพาราค้าไม้ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง

โดย พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ/โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่บูรณาการ การทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่ทำการตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ส่วนในการปฏิบัติการตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดระนองและชุมพร นำโดย ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม และ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่บูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ผลการตรวจค้นสามารถพบและยึดสิ่งของเป็นพยานหลักฐานในรูปแบบเอกสารและไฟล์ดิจิทัลเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนต่อไป “พฤติการณ์ของคดีนี้มีเหตุอันควรสงสัยว่านายสง่าฯ กับพวก ได้ร่วมกันหลอกลวงใช้ชื่อบริษัทผู้ซื้อคือ บริษัท Chindwin สัญชาติเมียนมา ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียน ซึ่งไม่มีอยู่จริง มาสร้าง นิติกรรมอำพรางโดยแสดงเอกสารเท็จเป็นหนังสือแต่งตั้งเป็นตัวแทนผู้ซื้อ เพื่อใช้เป็นคู่ค้าหรือคู่สัญญาในการทำธุรกรรมซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อจะได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๐ ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำไปขายให้กับนายสง่าฯ กับพวกเป็นราคาที่ถูกกว่าราคาตลาด นายสง่าฯ กับพวก จึงอาศัยช่องทางนี้ในการซื้อน้ำมันราคาถูก และยังมีพฤติการณ์อันควรสงสัยในการลักลอบหนีศุลกากรนำน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวเข้ามาจำหน่ายเอากำไรภายในประเทศ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้กว่า 28,000 ล้านบาท”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“บิ๊กอ้วน”ซัดปาก! พวกกระหายสงคราม “บิ๊กปู” คอนเฟิร์ม “ว้าแดง” เรียบร้อยดี
เวียงแหงโมเดล! เยาวชนคนรุ่นใหม่ One Young World เครือซีพี ปักธง FIGHT หมอกควันชายแดนไทย-พม่า เรียนรู้-ชวนชุมชมร่วมลด PM 2.5
ทิพยประกันภัย จับมือ NT ลงนาม MOU พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ายุคดิจิทัล
กรมวิทย์ฯ บริการ มอบของขวัญปีใหม่ประชาชน 2568 ..ฟรี !! ฝึกอบรมเสริมทักษะด้าน วทน. ฟรีค่าธรรมเนียมยื่นขอการรับรองทุกขอบข่าย เสริมความสามารถของห้องปฏิบัติการไทยสู่สากล
"ณเดชน์-เบลล่า" ขึ้นแท่นดาราแห่งปี "หมูเด้ง" ข่าวเด่นแห่งปีของจริงกลบทุกกระแส
เซเว่นฯ เดินหน้านโยบาย “2 ลด ลดพลาสติก ลดพลังงาน" เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชม. เชิญชวนคนไทย ลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
“ภูมิธรรม”คาด 4 ลูกเรือไทยได้รับการปล่อยตัว 4 ม.ค. นี้ ยืนยันกลาโหม-กองทัพไม่ได้อ่อนแอ
ฮาร์บินเปิด ‘สวนสนุกน้ำแข็ง-หิมะ’ จีนใหญ่สุดในโลก
ทรัมป์เสนอยูเครนสละดินแดนเพื่อยุติสงคราม
โฆษกกห. ยัน ไม่ได้ปิดด่านชายแดนจังหวัดตาก แค่สกัดโรค อุดช่องทางธรรมชาติ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น