ข่าวที่น่าสนใจ
สำหรับคดีนี้มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เป็นผู้กล่าวหา โดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ.64 จำเลยได้ร่วมกันวางเพลิง โดยใช้น้ำมันก๊าดราดใส่ และจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งได้ประดิษฐานติดตั้งบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม อันเป็นทรัพย์สินของกลางของเรือนจำ จนไฟได้ลุกลามไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมโครงสร้างไม้และเหล็ก และอุปกรณ์ที่ประดับจนได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 6 รายการ และค่าติดตั้ง 1 รายการ รวมความเสียหายทั้งสิ้นเป็นเงิน 60,000 บาท
ต่อมา แอมมี่ได้โพสต์รูปภาพที่ไฟกําลังลุกไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ ในเฟซบุ๊ก และมีการพิมพ์ข้อความว่า “สื่อคงไม่กล้าออก มิตรสหายท่านหนึ่งแจ้งว่า เมื่อคืนเกิดเหตุไฟไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ ที่หน้าเรือนจําคลองเปรม คนละ 1 แชร์แด่อิสรภาพ #ปล่อยเพื่อนเรา
สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 3 มี.ค.64 แอมมี่ได้ถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา และถูกนำตัวไปขอฝากขัง ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน และถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลา 69 วัน จึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ออกมาต่อสู้คดี
ส่วน ปูน ธนพัฒน์ ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้ด้วย เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ประชาชื่น เมื่อวันที่ 11 มี.ค.64 ก่อนจะได้รับการประกันตัวระหว่างสอบสวน โดยในชั้นศาล กรณีของปูน ได้ยื่นคำร้องขอให้โอนย้ายคดีไปที่ศาลเยาวชนฯ เนื่องจากอายุ 18 ปี 9 วัน ในวันที่เกิดเหตุ แต่ศาลได้ยกคำร้องของจำเลย โดยให้เหตุผลว่า เหตุการณ์ตามโจทก์ฟ้อง เกิดขึ้นขณะจำเลยพ้นเกณฑ์เยาวชนตามกฎหมายแล้ว รวมถึงจำเลยมีสภาพร่างกาย สภาพจิต สติปัญญา และนิสัย ปกติสมบูรณ์สมวัย ไม่มีความผิดปกติที่แสดงให้เห็นชัดเจน จึงยังไม่เห็นสมควร ที่ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดา จะโอนคดีไปพิจารณาที่ศาลเยาวชนฯ
ต่อมา เมื่อวันที่ 22 พ.ย.64 ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐาน โดยโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรวมพิจารณาคดีของแอมมี่และปูน เนื่องจากเป็นกรณีเดียวกัน และพยานหลักฐานเป็นชุดเดียวกัน ศาลจึงอนุญาตให้รวมพิจารณาคดี โดยให้ถือคดีของแอมมี่เป็นสำนวนหลัก และให้เรียกปูน เป็นจำเลยที่สอง
สำหรับการสืบพยานคดีนี้ จำเลยทั้งสองได้ให้การยอมรับว่า ได้เผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ตามที่โจทก์ฟ้อง แต่การกระทำของจำเลย ไม่เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 112 แต่อย่างใด โดยจำเลยนำพยานนักวิชาการเข้าเบิกความจำนวน 1 ปาก คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล
โดยข้อต่อสู้สำคัญของฝ่ายจำเลย คือ จำเลยทั้งสองยอมรับว่าการเผาพระบรมฉายาลักษณ์นั้น เพื่อเป็นการสื่อถึงนักโทษการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่ แต่ไม่ได้มุ่งหมาย หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ยิ่งไปกว่านั้น การเผา เป็นการแสดงออกทางการเมืองเพื่อสะท้อนความคิดเห็นทางการเมือง ไม่ได้สร้างความกระทบกระเทือน หรืออันตรายต่อตัวบุคคลพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด
ล่าสุด ศาลอาญาเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดี เนื่องจากแม่ของแอมมี่และทนายความ ได้ยื่นคำร้องต่อศาล ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปก่อน อ้างว่าแอมมี่มีอาการป่วย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงไทย จังหวัดนนทบุรี พร้อมแสดงใบรับรองแพทย์ ซึ่งศาลสอบถามแม่แล้วได้ความจริงว่า แอมมี่มีอาการป่วยจริง กรณีมีเหตุสมควร จึงให้เลื่อนฟังคำพิพากษาคดีนี้เป็นวันที่ 25 เมษายนนี้ เวลา 09.00 น.
ขณะที่เพจเจ๊จุก คลองสาม ทวีตข้อความว่า พอรู้ว่าใครมาเป็นพยานให้ และใช้เหตุผลอะไรในการสู้คดี คงได้ติด คิดตามกันไปแน่นอน “ศาลมนุษยชนยุโรป ตัดสินการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ คือการแสดงออกทางความคิดเห็น ทำไมไม่วางแผนกันไปเผาที่ยุโรปตั้งแต่แรกล่ะค่ะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
