"เทพไท" ผ่าเกมการเมือง "ทักษิณ" ออกรบชน "ก้าวไกล" กู้ความยิ่งใหญ่ "พท." กลับคืนมา "ปชป." เปิด 10 ขุนพลซักฟอก "รัฐบาล" เพิ่มอุณหภูมิการเมืองเดือดพลั่ก
ข่าวที่น่าสนใจ
มอง “ทักษิณ” หัวหอกฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่เดินเกมยุทธศาสตร์ 3 ขายึดกุมอำนาจรัฐ-นิติบัญญัติ-สร้างฐานมวลชนกู้ความยิ่งใหญ่ “พท.” คืนกลับมา
การที่คุณทักษิณไปเยี่ยมพรรคเพื่อไทย ก็เป็นบทบาทหนึ่ง ที่คุณทักษิณต้องการส่งสัญญาณทางการเมืองว่า ยังเป็นผู้ทรงอำนาจทางการเมืองตัวจริง ได้มาปรากฏตัวที่พรรคเพื่อไทยแล้ว และต่อไปจะมีคิวเดินทางไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค หลังจากพ้นจากกำหนดการพักโทษแล้ว และสถานที่สำคัญที่เป็นหมุดหมายทางการเมือง คุณทักษิณคงจะเดินทางไป เช่น ทำเนียบรัฐบาล และอาคารรัฐสภา ฯลฯหลังจากนี้คุณทักษิณก็จะเดินเกมการเมือง ตามยุทธศาสตร์ 3 ขา คือ 1.ยึดกุมอำนาจรัฐผ่านคุณเศรษฐา 2.ยึดกุมฝ่ายนิติบัญญัติ ผ่านนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา และ สส.พรรคเพื่อไทย ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค 3.ยึดกลุ่มฐานมวลชน เคลื่อนไหวผ่านกลุ่ม นปช. หรือคนเสื้อแดงที่ยังหลงเหลือ และภักดีต่อคุณทักษิณ
หลังจากนี้ไป เมื่อกระแสความนิยมของประชาชนมีต่อพรรคก้าวไกลมากขึ้นเท่าไหร่ คุณทักษิณก็จะแสดงบทบาทผู้มีบารมีของฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่ และเรียกคะแนนนิยมให้พรรคเพื่อไทยมากขึ้นเท่านั้น เพราะสภาพความเป็นจริงของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ ยังไม่มีตัวชูโรง ที่เรียกคะแนนนิยมจากประชาชนได้เลย ที่ผ่านมาการโปรโมทคุณอุ๊งอิ๊งขึ้นมาเป็นผู้นำ กระแสที่เกิดขึ้นก็เพราะเป็นลูกสาวของคุณทักษิณเท่านั้น
วันนี้เมื่อผลนิด้าโพลปรากฏชัดว่า คะแนนทั้งคุณเศรษฐาและคุณอุ๊งอิ๊งรวมกันแล้ว ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคะแนนความนิยมคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล จึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้คุณทักษิณมาเป็นตัวชูโรง เรียกคะแนนนิยมให้กับพรรคเพื่อไทยอีกครั้งหนึ่ง
“ปชป.” เปิด 10 ขุนพลจองกฐินซักฟอก “รัฐบาล”
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมอภิปรายทั่วไปรัฐบาล แบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ระหว่างวันที่ 3 – 4 เมษายนนี้ ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มีผู้ยื่นความจำนงจะอภิปราย 10 คน โดยตนเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งจะอภิปรายตามข้อเท็จจริงและตามเนื้อผ้า เพื่อสะท้อนให้รัฐบาลเห็นว่ามีสิ่งที่ต้องแก้ไขอะไรบ้าง ถือเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ต้องตรวจสอบรัฐบาล ตนยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุดและสมบูรณ์แบบส่วนจะส่งผลให้เกิดการปรับการทำงานสวยเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะรับฟังแค่ไหน เพราะสุดท้ายก็อยู่ที่รัฐบาลว่าจะบริหารไปทางไหน ซึ่งฝ่ายค้านทำได้เพียงวิพากษ์วิจารณ์ สะท้อนปัญหาให้รัฐบาลเห็นว่ามีสิ่งที่ต้องแก้ไขอย่างไร แต่จะแก้ไขหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวรัฐบาล
เมื่อถามว่าพบข้อมูลการทุจริตหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจยังไม่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้เป็นเพียงอภิปรายตามมาตรา 152 จึงมีข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญว่าพูดอะไรได้บ้าง ดังนั้นต้องทำตามรัฐธรรมนูญ ส่วนการอภิปรายทั่วไปของทั้ง สส.และสว.จะเป็นข้ออ้างในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายจุรินทร์ ระบุว่า ปรับหรือไม่ปรับขึ้นอยู่กับรัฐบาล แต่จากการติดตามอภิปรายของ สว. ก็เห็นว่า อธิบายได้ดี ตนยังชื่นชมอยู่ในใจว่าสะท้อนอะไรได้หลายเรื่องในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ไม่ขอประเมินการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาเพราะประชาชนและประเมินไปแล้ว โดยผลการสำรวจ โพลต่างๆ ก็สะท้อนว่าเป็นอย่างไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง