"ณัฐวุฒิ" สบช่อง "จักรภพ" กลับบ้านสู้คดี ตีปี๊ปเชียร์นิรโทษคดี112 เปิดประตูรับแก๊งลี้ภัยกลับมา
ข่าวที่น่าสนใจ
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม PTV คือฐานที่มั่น ออกตั้งเวทีสนามหลวง จับมือกับเพื่อนมิตรกลุ่มอื่นตั้งองค์กร นปก. กิน นอน สรวลสำมะเลเฮเมา เผชิญเหตุ ระวังภัย ล่มหัวจมท้าย ติดคุก ออกคุก ร่วมรัฐบาล ร่วมรายการเพื่อนพ้องน้องพี่ ตั้งเวทีคนเสื้อแดง จนถึงวันที่เขาตัดสินใจเดินทางไกล
พูดได้ว่าเป็นพี่น้องร่วมชีวิต มิตรร่วมรบ หลังพิงหลัง ไหล่ชนไหล่กันมายาวนาน หลายปีมานี้แม้ไม่ได้พบหน้า และอาจมีทั้งช่วงเวลาที่เราเห็นด้วยหรือคิดต่าง แต่สิ่งเหล่านั้นมิได้ล้มล้างมิตรภาพ ขอต้อนรับ จักรภพ เพ็ญแข กลับคืนสู่ประเทศไทย ส่งกำลังใจให้มีพลังก้าวเดิน ตามวิถีทางที่เลือกและเชื่อมั่น
พร้อมกันนี้ ขอส่งความปรารถนาดีไปยังผู้ร่วมขับเคลื่อนพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกท่าน เราใช้เวลากับความขัดแย้งมายาวนาน ถึงคราวต้องเปิดใจให้กว้าง นิรโทษกรรมผู้ต้องคดีความจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทุกคน ทุกข้อกล่าวหา รวมคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
เข้าใจความแตกต่าง เห็นใจชะตากรรม อภัยข้อผิดพลาด ให้โอกาสเริ่มต้นใหม่ ตั้งหลักกันแบบนี้ ใช้อดีตเป็นบทเรียน แล้วมองไปข้างหน้า เป็นไปได้ว่าฝ่ายที่เห็นต่างกัน อาจไม่มีวันคิดตรงกันได้เลย แต่การอยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่าง เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายสร้างร่วมกันได้ 20 ปีที่ผ่านมา ไม่มีเงื่อนไขทางการเมืองครั้งใดหนุนส่งให้ทำเท่าครั้งนี้ เอาผู้ต้องขังทางการเมืองออกจากคุก เปิดประตูรับผู้ลี้ภัยกลับบ้าน ขอให้โอกาสของทุกคนมาถึงในเร็ววัน
“ลมเอย ช่วยเป็นสื่อให้ นำรักจากแผ่นดินไทย จากข้านี้ไปบอกเขาสักครา ให้คนไกลรู้ว่า หวังใจให้ผู้จากลา กลับมาซบหน้า อกแม่เจ้าเอย”
เตือนนิรโทษกรรมคดี112 ทำได้แต่อย่าเหมาเข่งต้องมีกระบวนการสารภาพผิดและลงนามไม่กระทำผิดซ้ำ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) งัดตัวเลขออกมาโชว์คดี 112 หมิ่นสถาบัน กับ คดี 116 ยุยงปลุกปั่น มีเพียงน้อยนิดคิดเป็น 2% เท่านั้น ดังนั้นจึงแทบไม่มีความจำเป็นต้องนิรโทษกรรมแต่อย่างใด เหมือนสะกิด “พรรคก้าวไกล” สะเทือนสาวก 3 นิ้วหลงผิดคลั่งการเมืองคล้อยตามการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อล้มล้างการปกครอง และ สิ่งสำคัญ หากร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ตั้งใจสร้างความปรองดองสมานฉันท์ คือ ลดคู่ขัดแย้งทางการเมืองให้มากที่สุด การนิรโทษกรรมคดีตามมาตรา 116 ปลุกปั่น และ มาตรา 112 หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ กันจริง ๆ ผู้ที่ได้รับการนิรโทษกรรม เมื่อได้รับการนิรโทษกรรมไปแล้ว ขอย้ำว่า ต้องมีกระบวนการสารภาพผิดและลงนามไม่กระทำผิดซ้ำอีกเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่เช่นนั้นอาจก่อความขัดแย้งระลอกใหม่กลับมาจะลากสถานการณ์ไปสู่วงจรแบบเดิม ๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
ขณะที่ นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส.ออกมาแตะเบรกและเตือนสติฝ่ายที่ต้องการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ว่าความผิดตามมาตรา 112 จะให้นิรโทษกรรมหรือไม่ ตนมองว่าการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ กับการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์แตกต่างกัน ตนต่อต้านการล้มล้างสถาบันมาโดยตลอด แต่ก็มีหลายคนหลายคดีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ด้วยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น การแชร์โพสของคนอื่น หรือถูกกลั่นแกล้ง จึงต้องมาพิจารณาความหนักเบาของคดีเป็นหลัก
สำหรับในแง่การตีความตามหลักกฎหมาย ต้องพิจารณาให้ได้สัดส่วนกับการกระทำ และโทษที่จะได้รับในความผิดตามมาตรา 112 ซึ่งต้องดูการกระทำของแต่ละคนแต่ละครั้งว่าเพียงพอให้นิรโทษกรรมหรือไม่ หรือตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ให้นิรโทษกรรม แต่ถ้ากระทำความผิดซ้ำ จะนำความผิดจากการกระทำเดิมกลับมาลงโทษด้วย นี่เป็นกระบวนการสร้างความปรองดอง ผ่านการศึกษาหารือ จับเข่าคุยกัน เพื่อหาข้อยุติ ทั้งนี้ หากมีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการ เพื่อพิจารณาความผิด ในคดีมาตรา 112 เป็นการเฉพาะ ก็เห็นด้วยที่จะให้มีการลงลึกไปในแต่ละกรณี ว่าเป็นการปฏิรูปหรือล้มล้างสถาบัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง