“ส.ว.” ติงทำประชามติผลาญภาษีทำ 3 ครั้งหมดหมื่นล้านยังไม่รวมตั้ง “ส.ส.ร.” ถลุงไปอีกหมื่นล้านหนุน “ศาลรธน.” ชี้ขาดแก้ “รธน.”

"ส.ว." ติงทำประชามติผลาญภาษีทำ3ครั้งหมดหมื่นล้านยังไม่รวมตั้ง "ส.ส.ร." ถลุงไปอีกหมื่นล้าน ทำแค่ 2 หนก็มากเกินพอแล้ว หนุน "ศาลรธน." ชี้ขาดแก้ "รธน."คลายข้อสงสัยให้หมดเรื่อง

TOP News จากประเด็นร้อนในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เข้าสู่การพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอเสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุ รัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 31 ให้รัฐสภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) ที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะ เป็นผู้เสนอ  ระหว่างการอภิปราย นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ออกมาให้ความเห็นว่าการทำประชามติถึง 3 ครั้งและการตั้ง ส.ส.ร. เพื่อแก้รัฐธรรมนูญใช้งบประมาณนับหมื่นล้านบาทคุ้มค่าหรือไม่

ข่าวที่น่าสนใจ

“ส.ว.” ติงทำประชามติตั้ง “ส.ส.ร.” ผลาญภาษีเพื่อแก้ “รธน.” หมด 2หมื่นล้านบาทคุ้มค่าหรือไม่

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายว่าการใช้รัฐธรรมนูญปี 60 มาแล้ว 6 – 7 ปี มีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาและมีข้อเสนอว่าจะต้องแก้ตรงนั้นตรงนี้มาตรานั้นมาตรานี้ แต่มีประเด็นทีจะต้องแก้ไข คือ 1.ที่มาขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะคุณสมบัติ เพราะ สว.โหวตเลือกมา 5 ปี ยากมาก 2.การได้มาซึ่ง สว.ที่จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ค.โดยเฉพาะกระบวนการที่จะได้มา 3.การปฏิรูปประเทศ แต่เวลาปฏิบัติจริงที่เป็นมรรคเป็นผลไม่มีเลย เป็นเพียงแค่ตัวหนังสือเท่านั้น แต่คนที่จะปฏิรูปจริงคือรัฐบาล การที่เสนอญัตติให้แก้ไขประชามติถึง 3 ครั้ง อะไรกันหนักหนาต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 และปี 60 ทำเพียงครั้งเดียว ส่วนรัฐธรรมนูญปี 40 ก็ให้รัฐสภาลงมติ แต่ครั้งนี้แสดงว่าปวงชนชาวไทยซ้อนปวงชนชาวไทย ซึ่งการทำประชามติครั้งละ 3 พันล้านบาท รวม 3 ครั้งแล้วเกือบหมื่นล้าน แต่ยังไม่รวมการตั้ง ส.ส.ร.ก็ใช้เงินอีก 3 พันล้าน และทำงาน 1 – 2 ปี ใช้เงินอีกหมื่นล้านบาท จะแก้รัฐธรรมนูญทั้งที่ต้องใช้เงินเกือบ 2 หมื่นล้าน แต่ในภาวะเศรษฐกิจของประเทศ แค่ 2 ครั้งก็มากเกินพอแล้ว

 

“วันชัย” เห็นด้วยชง “ศาลรธน.” แก้ปัญหาคลายข้อสงสัย

ทั้งนี้เห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว เมื่อผ่านสภาไปแล้วว่าจะมีการทำรัฐธรรมนูญ แล้วใช้การตั้ง ส.ส.ร.ถามไปคราวเดียวกันกับมาตรา 256 (8) เพราะเป็นเพียงปฐมบทเริ่มต้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ไขใหม่ แต่สมาชิกหลายคน หลายพรรคเห็นว่าถ้าทำไปแล้วจะมีปัญหาขัดรัฐธรรมนูญและเสียของไปเปล่า เมื่อมีปัญหาข้อขัดแย้ง และประธานก็ไม่กล้าบรรจุ เกิดความขัดแย้งกัน เพราะฉะนั้นองค์กรที่จะวินิจฉัยคือศาลรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่ชอบแล้ว เพราะต่างฝ่ายก็มีข้อสงสัย ดังนั้น เพื่อหาข้อยุติก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนศาลจะรับหรือไม่อย่างไร ก็เป็นสิ่งที่สมาชิกรัฐสภาดำเนินการตามญัตตินี้ชอบแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดภาพ กล้องดักถ่าย พบ 'ทหารรัฐมอญ' อาวุธครบมือ โผล่ตระเวนข้ามแดน ป่าแก่งกระจาน เร่งประสานหน่วยมั่นคงตรวจสอบด่วน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ฉงชิ่งเปิดตัวบัสท่องเที่ยวธีม 'แพนด้ายักษ์'
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) เซี่ยงไฮ้เปิดตัว 'ปลาจักรกลอัจฉริยะ' แหวกว่ายใต้น้ำสมจริง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) เปิดแคมเปญส่งเสริม 'ท่องเที่ยว' เน้นดึงต่างชาติ
สตง.แจงขั้นตอนปรับแก้ปล่องลิฟต์ ความหนาลดลง 5 ซม. ยืนยันผู้ออกแบบ วิศวกรรับรองถูกต้อง ชี้อำนาจตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่คตง.
สะพานจีนถล่มกลางกรุงปักกิ่ง
ครอบครัวลุง-ป้า เลือก "กัน จอมพลัง" ไม่ขอรับข้อเสนอ "พีช" พาซื้อรถใหม่
“กัน จอมพลัง” มอบหลักฐานตร.ไซเบอร์ ล้างบางคนเกี่ยวข้องเว็บพนัน 888
“ดร.ปณิธาน” แนะ 3 เรื่องควรทำจริงจัง เพื่อสร้างสันติสุขชายแดนใต้
"ภูมิธรรม" ยันไม่มีปรับครม.ช่วงนี้ ลือโดนโยกกลับนั่งพณ. แค่คาดคะเนไปเอง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น