"โรคกระดูกพรุน" ป้องกันได้ง่าย ๆ แค่กินไข่ 1 - 2 ฟองต่อวัน กระตุ้นเอนไซม์เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อระดับคอเลสเตอรอล
ข่าวที่น่าสนใจ
ไข่ป้องกัน “โรคกระดูกพรุน” ?
หมอหมู รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เผยการศึกษาใหม่ พบว่า การบริโภค ไข่ มีความสัมพันธ์กับความหนาแน่นของมวลกระดูกที่มากขึ้นในประชากรสหรัฐอเมริกา งานวิจัยนี้มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 19,000 คน โดยผู้เข้าร่วมที่บริโภคไข่ทั้งฟองอย่างน้อย 3.53 ออนซ์ต่อวัน (ประมาณไข่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง) มีระดับความหนาแน่นของมวลกระดูก ในกระดูกโคนขาและกระดูกสันหลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ไข่ เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นอาหารเช้าที่มีแคลอรี่ต่ำ อีกทั้งยังมีโปรตีนในปริมาณปานกลาง (ประมาณ 6 กรัมต่อไข่ไก่ขนาดใหญ่ 1 ฟอง) อย่างไรก็ตาม ผู้คนอาจไม่หันมาใช้ ไข่ เพื่อปกป้องสุขภาพกระดูกของตน เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไข่ ไม่ได้อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งมีเพียง 24 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2% ของปริมาณที่แนะนำต่อวันของผู้ใหญ่
แต่จากการศึกษา ไข่ จะกระตุ้นกลุ่มของเอนไซม์ในร่างกายที่เรียกว่า อัลคาไลน์ฟอสฟาเตส (ALP) ซึ่งสามารถเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงได้
นอกจากผลของเอนไซม์แล้ว ไข่ ยังอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิดที่ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรงอีกด้วย เช่น ไข่มีวิตามินดี ซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับกระดูกที่แข็งแรง นอกจากนี้ ไข่ยังเต็มไปด้วยโปรตีน สังกะสี และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพกระดูกโดยรวม และที่สำคัญโปรตีนในไข่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความสามารถในการสร้างกระดูก
“โรคกระดูกพรุน” ?
โรค กระดูกพรุน (Osteoporosis) คือ โรคที่ความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดน้อยลงจนทำให้กระดูกเสื่อม เปราะบาง ผิดรูป และมีโอกาสแตกหักได้ง่าย ในผู้ป่วยบางรายกระดูกพรุนมีผลให้ส่วนสูงลดลง เนื่องจากมวลกระดูกผุกร่อน ผลจากโรค กระดูกพรุน คือ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก เนื่องจากกระดูกสามารถรับน้ำหนัก แรงกระแทก หรือแรงกดได้ลดลง
โรค กระดูกพรุน มักไม่มีอาการเตือนใด ๆ ผู้ป่วยมักไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรค กระดูกพรุน จนเกิดอุบัติเหตุและนำไปสู่ภาวะกระดูกหัก โดยจุดเสี่ยงกระดูกหักจากโรค กระดูกพรุน อาทิ กระดูกสันหลัง สะโพก ข้อมือ ต้นแขนบริเวณไหล่ เป็นต้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสการเกิดโรค กระดูกพรุน ได้แก่
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่ออายุเพิ่มขึ้น มวลกระดูกจะต้องลดลง เป็นผลให้เปราะบางและแตกหักง่ายหากถูกกระทบกระเทือนแม้ไม่รุนแรงก็ตาม
- การลดระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในเพศหญิง เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ส่วนในเพศชายจะมีความเสี่ยงเกิดโรคกระดูกพรุนเมื่อมีการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) น้อยลง
- กรรมพันธุ์ มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน
- ความผิดปกติในการทำงานของต่อมและอวัยวะต่าง ๆ เช่น ต่อมไทรอยด์ ต่อมพาราไทรอยด์ ต่อมหมวกไต ไต และตับ
- โรคและการเจ็บป่วย เช่น โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคมะเร็งกระดูก
- การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในการสร้างกระดูก หรือกินอาหารที่ทำให้แคลเซียมเสียสมดุล
- การใช้ยาบางชนิดที่ออกฤทธิ์เร่งการสลาย หรือรบกวนการสร้างกระดูก เช่น กลุ่มยาสเตียรอยด์
ส่วนการป้องกันโรค กระดูกพรุน สามารถลดความเสี่ยงได้โดยการดูแลสุขภาพและบำรุงกระดูก ได้แก่
- รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน และมีค่าความเป็นกรดสูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- ระมัดระวังการใช้ยา โดยเฉพาะยากลุ่มสเตียรอยด์ที่ต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
กินไข่กี่ฟอง?
นับเป็นเวลาหลายปีแล้วที่การอภิปรายเกี่ยวกับ ไข่ เต็มไปด้วยความกังวลว่า ไข่ จะนำไปสู่ คอเลสเตอรอลสูง หรือ โรคหลอดเลือดหัวใจ อย่างไรก็ตาม การวิจัยชี้ให้เห็นว่า ไข่ สามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจได้ และ สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) ยังสนับสนุนให้ชาวอเมริกันรับประทาน ไข่ ทุกวัน เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง
การศึกษาชี้ให้เห็นว่า การบริโภค ไข่ ในระดับปานกลาง (ประมาณ 1 – 2 ฟองต่อวัน) ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อระดับ คอเลสเตอรอล ในบุคคลที่มีสุขภาพดี สำหรับผู้ที่มี คอเลสเตอรอล สูงอยู่แล้ว ควรปรึกษาเรื่องการบริโภค ไข่ กับแพทย์ แต่โดยทั่วไปแล้ว การทานไข่ประมาณ 1 – 2 ฟองต่อวัน จะช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจและกระดูกได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง