"Peggy and Molly" แม็กพายสุดซี้เทอร์เรียร์ คู่หูต่างสายพันธุ์กว่า 4 ปี ถูกร้องเรียนให้จับแยก ชาวออสเตรเลียกว่าแสนเข้าชื่อ จี้ปล่อยนกสาลิกากลับไปอยู่กับน้องหมา
ข่าวที่น่าสนใจ
Cr. Peggy and Molly
คู่หูมอลลี่กับเพ็กกี้?
จูเลียต เวลส์ และ รีซ มอร์เทนเซน สามีภรรยาที่เมืองโกลด์โคสต์ ช่วย มอลลี่ ตั้งแต่มันตกลงมาจากรัง ตอนยังเป็นลูกนกเมื่อ 4 ปีก่อน ระหว่างนำมาดูแล มอลลี่ เกิดผูกพันกับสุนัขประจำบ้านอย่าง เพ็กกี้ อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ กลายเป็นความน่ารักน่าเอ็นดู มีผู้ติดตามผ่านเพจ เพ็กกี้ แอนด์ มอลลี่ “Peggy and Molly” บน IG และแพลตฟอร์มอื่น ๆ กว่า 2 ล้าน
สองสามีภรรยา ประกาศว่า ได้ส่งมอบ มอลลี่ ให้กับหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐควีนสแลนด์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม เนื่องจากมีคนกลุ่มหนึ่งไปร้องเรียน แต่พวกเขาขอตั้งคำถามว่า เหตุใด นกแม็กพาย ตัวหนึ่งจึงตัดสินใจเพื่อตัวเองไม่ได้ว่าอยากอยู่ที่ไหน และอยากใช้เวลาอยู่กับใคร
ขณะที่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมควีนสแลนด์ ระบุว่า นกแม็กพาย ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง และควรอยู่ในบ้านคนเพื่อฟื้นฟูชั่วคราวเท่านั้น สัตว์ป่าควรอยู่ในป่า แต่เจ้าของยืนยันว่า พวกเขาไม่เคยขัง มอลลี่ ในกรง หรือบังคับให้อยู่แต่ข้างใน แต่ มอลลี่ เลือกที่จะอยู่กับพวกเขาเอง พร้อมยืนยันว่า ทั้งสองจะรณรงค์ต่อไป เพราะเกรงว่า มอลลี่ อาจเฉาตายได้หากไม่อยู่ในบ้านเดิม
แฟนคลับของ มอลลี่ และ เพ็กกี้ ร่วมลงชื่อในคำร้องขอให้สองตัวนี้ได้กลับมาอยู่ด้วยกันแบบที่เป็นมาตลอด 4 ปี กว่า 1 แสนรายชื่อแล้ว ล่าสุด ยังได้รับอีกเสียงจาก สตีเฟน ไมลส์ ผู้นำรัฐควีนสแลนด์ ที่กล่าวว่า เขาเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่รับผิดชอบ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่หากพิจารณาจากเรื่องราวความเป็นมา ก็อาจจะมีช่องที่ยืดหยุ่นได้ เจ้าหน้าที่อาจทำงานร่วมกับผู้ดูแล มอลลี่ ให้เข้ารับการอบรมที่จำเป็น เพื่อให้ มอลลี่ กลับบ้านได้
Cr. Peggy and Molly
“Peggy and Molly” ?
เพ็กกี้ (Peggy) ในบรรดาสุนัขประเภทเทอร์เรียร์ ซึ่งมีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์นั้น ต้องบอกว่าพวกมันเต็มไปด้วยความน่าสนใจ และเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่น่าสัมผัสเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเลี้ยงสุนัข โดยหนึ่งในสุนัขสายพันธุ์เทอร์เรียร์ที่น่าสนใจอย่างมากก็คือ สแตฟฟอร์ดเชอร์ บูล เทอร์เรียร์ (Staffordshire Bull Terrier) สุนัขที่ดูแล้วมีความน่าเกรงขามอยู่พอสมควรเลยก็ว่าได้ เพราะว่าพวกมันนั้นมีขนเรียบ รูปร่างดูแข็งแรงมาก มีความว่องไวปราดเปรียว สำหรับสีขนแตกต่างกันไปค่อนข้างมาก ทั้ง สีดำ, สีลายเสือ, สีขาว, สีน้ำเงินคราม เป็นต้น
สแตฟฟอร์ดเชอร์ บูล เทอร์เรียร์ มีต้นกำเนิดมาจากเมืองสแตฟฟอร์ดเชอร์ ในประเทศอังกฤษ เกิดจากการผสมระหว่างพันธุ์ บูลด็อก กับ เทอร์เรียร์ หลายพันธุ์ ในช่วงศตวรรษที่ 18 พวกมันถูกนำมาใช้ในการกัดสุนัข และล่าหนู ซึ่งแม้จะพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการพนัน แต่ก็มีความซื่อสัตย์และสามารถทำทุกอย่างให้เจ้าของได้ เรียกว่าเป็นสุนัขในฝันของใครหลาย ๆ คนเลยทีเดียว และความนิยมในการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ ก็มีอย่างมากอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะลดความนิยมลง แต่ปัจจุบันก็ยังคงเป็นสุนัขที่มีความน่าสนใจอยู่ในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบสุนัขสไตล์นี้
สแตฟฟอร์ดเชอร์ บูล เทอร์เรียร์ มีช่วงชีวิตระหว่าง 12 ถึง 14 ปี โดยที่ตัวเมียจะมีน้ำหนักประมาณ 11 – 15 กิโลกรัม สูงประมาณ 33 – 38 เซนติเมตร ส่วนตัวผู้นั้นจะมีน้ำหนักประมาณ 13 – 17 กิโลกรัม สูงประมาณ 36 – 41 เซนติเมตร มีใบหูตั้งหรือพับครึ่ง ช่วงอกลึก ซี่โครงมีความยืดหยุ่นดี ด้านลักษณะนิสัยเด่นของสุนัขสายพันธุ์นี้ ก็คือ มีความกล้าหาญ แสนรู้และเชื่อถือได้ นอกจากนี้ ยังมีความเข้มแข็งและรักเจ้าของภักดีต่อผู้เป็นเจ้านายเป็นอย่างยิ่ง
มอลลี่ (Molly) นกสาลิกา หรือ แม็กพาย (Magpie) เป็นชื่อของนกจำพวกหนึ่ง จัดอยู่ในอันดับนกเกาะคอน (Passeriformes) วงศ์นกกา (Corvidae) ซึ่งสกุลที่จะถูกเรียกว่าเป็นนกแม็กพายจะมีอยู่ 4 สกุล คือ พิก้า (Pica), อูโรซิสซา (Urocissa), ซิสซา (Cissa) และ ไซยาโนปิก้า (Cyanopica) พบกันได้ทั่วไปในเขตอบอุ่นของยุโรป แอฟริกา และเอเชีย ที่รู้จักกันดีคือ นกสาลิกาปากดำ หรือนกสาลิกายูเรเซีย (Eurasian Magpie)
นกสาลิกาปากดำเป็นนกที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เมื่อโตเต็มที่จะมีลำตัวยาวประมาณ 44 – 45 เซนติเมตร ปีกกว้าง 52 – 60 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 200 – 250 กรัม ตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย จุดเด่นคือขนตามตัวจะมีสีขาวและดำเป็นหลัก อาจจะสีเหลือบเขียวหรือม่วงแก่บ้างเมื่อกระทบแสง นกสาลิกาปากดำมักอาศัยอยู่ตามป่าโปร่งหรือทุ่งหญ้า หรือแม้แต่ในเมือง พวกมันจะอยู่ตามลำพังไม่เป็นฝูง อาหารส่วนใหญ่จะเป็นลูกผลไม้ เมล็ดพืช รวมถึงหนอนแมลงด้วย
นกสาลิกาปากดำ ได้ชื่อว่าเป็นนกที่มีความเฉลียวฉลาดมาก พวกมันมีขนาดสมองใหญ่มากเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว โดยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับลิงเอป (ape) หลายชนิด นกสาลิกาปากดำ เป็นสัตว์เพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถจำตัวเองได้ในภาพบนกระจกเงา นอกจากนั้น พวกมันก็มีนิสัยคล้ายกับนกวงศ์กาอีกหลายชนิดคือ เป็นนักสะสม พวกมันชอบเก็บของแปลก ๆ สะสมเอาไว้ในรังของมันด้วย
นกสาลิกาปากดำ จะเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุหนึ่งปี โดยจะเริ่มฤดูผสมพันธุ์ในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อจับคู่แล้วพวกมันจะอยู่ด้วยกันไปจนกว่าจะถึงฤดูผสมพันธุ์ครั้งถัดไป พวกมันจะออกไข่ครั้งละประมาณ 2 – 10 ฟอง เฉลี่ยแล้ว 5 ฟอง ไข่แต่ฟองมีน้ำหนักเฉลี่ย 10 กรัม ตัวเมียจะกกไข่อยู่ราว 3 สัปดาห์ ไข่จึงจะฟักเป็นตัว ลูกนกจะอยู่กับพ่อแม่ประมาณหนึ่งเดือนก็พร้อมจะออกหากินด้วยตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม ลูกนกสาลิกามักจะตกเป็นเหยื่อของนักล่า เช่น สุนัขจิ้งจอก แมว หรือนกนักล่าที่ใหญ่กว่า มีการสำรวจพบว่า จะมีลูกนกเพียงประมาณ 22% ที่จะรอดจนกระทั่งวัยเจริญพันธุ์ได้ นกสาลิกาปากดำในธรรมชาติจะมีอายุขัยเฉลี่ยราว 4 ปี แต่เคยพบนกสาลิกาปากดำที่เลี้ยงไว้มีอายุถึง 21 ปี 8 เดือน
แม้จะมีศัตรูธรรมชาติอยู่บ้าง แต่จากความฉลาดในการปรับตัว ทำให้นกสาลิกายังคงอยู่ในสถานะเสี่ยงน้อยที่จะสูญพันธุ์ โดยคาดว่ามีนกสาลิกาปากดำในธรรมชาติไม่ต่ำกว่า 46 ล้านตัว
มอลลี่ จะได้กลับไปอยู่กับ เพ็กกี้ เพื่อนซี้ต่างสายพันธุ์ หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป
Cr. Peggy and Molly
ข่าวที่เกี่ยวข้อง