"พท."เตือน"ก้าวไกล"อย่าค้านทุกสิ่ง อภิปรายอยู่ในกรอบ ดักคอ "รองประธาน" ขึ้นนั่งบนบัลลังก์จะต้องเป็นกลางอย่าปล่อยให้พาดพิงคนนอกสภา
ข่าวที่น่าสนใจ
“พท.”เตือนฝ่ายค้านซักฟอกตามกรอบอย่าพาดพิงคนนอกสภา
โดย นายดนุพร กล่าวว่า ในการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหา โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 152 ของฝ่ายค้าน ในวันที่ 3 – 4 เมษายน 2567 นี้ เชื่อมั่นว่ารัฐบาลมีความพร้อมในการตอบคำถามต่างๆ ของฝ่ายค้านได้เป็นอย่างดี ไม่น่ากังวลอะไร ทางพรรคเพื่อไทยขอให้ ส.ส.ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ไปร่วมเป็นองค์ประชุม รวมทั้งวิงวอนไปทางฝ่ายค้าน ว่าให้อภิปรายอยู่ในกรอบระเบียบของสภาผู้แทนราษฎร์ แน่นอนหลายคนก็จะรอฟังว่าจะมีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอกมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตนเชื่อในความเป็นกลางของประธานสภาฯ ไม่ว่าใครจะขึ้นนั่งบนบัลลังแห่งนั้น ก็จะมีความเป็นกลาง โดยใช้ข้อบังคับอย่างเคร่งครัด
นายดนุพร กล่าวต่อว่า ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนว่ารัฐบาล ที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และคณะรัฐมนตรี เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินจนถึงวันนี้เพียง 7 เดือน ซึ่งเป็น 7 เดือนที่ไม่มีงบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดิน เนื่องจากงบประมาณวาระสามพึ่งผ่านสภาและวุฒิสภา ซึ่งงบประมาณจะเริ่มใช้ได้ประมาณปลายเดือน เม.ย.นี้ แต่ 7 เดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด เพื่อแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชน ที่สำคัญ “เราเป็นรัฐบาลไม่ถึง 10 เดือน” และยังไม่มีงบประมาณ แต่ผลงานมากมายเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาพี่น้องประชาชน เช่น ลดค่าครองชีพ ทั้งราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า ขณะนี้ราคายางพุ่ง 90 บาท/กก.สูงสุดในรอบ 7 ปี จากการเดินหน้าสกัดกั้นยางเถื่อนและฤดูกาลประกอบเข้าด้วยกัน , ราคาข้าวพุ่ง 10,500 – 11,000 บ./ตัน สูงสุดในรอบ 16 ปี , Roadshow 14 ประเทศ คาดสร้างรายได้ 558,000 ล้านบาท , รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย , 30 บาทรักษาทุกที่ สำเร็จแล้ว 12 จังหวัด และอื่นๆ อีกมากมาย ทำโดยไม่มีงบประมาณรายจ่ายประจำปี
นายดนุพร กล่าวอีกว่า เราเข้าใจดีถึงความเป็นห่วงของฝ่ายค้าน ซึ่งเราก็เป็นห่วงประชาชนไม่แพ้กัน พรรคที่ใหญ่ที่สุดของฝ่ายค้าน ไม่เคยบริหารประเทศ การนำนโยบายหาเสียงนำไปสู่การปฏิบัตินั้น อย่างแรกต้องใช้งบประมาณ บางเรื่องต้องใช้เวลาในการแก้ไขกฎหมาย หลายอย่างต้องดำเนินการอย่างละเอียดถี่ถ้วนรอบคอบและหารือกับหลายฝ่าย โชคดีที่พรรคเพื่อไทยไม่รอ 10 เดือน จึงทำให้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน
“พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามว่า เราเป็น “รัฐบาลเพื่อใคร ประชาชนไม่ได้อะไร” นั้น อยากให้ฝ่ายค้านมองประเด็นให้ถูกต้อง ว่า การอภิปรายตาม มาตรา 152 ในครั้งนี้ เป็นการอภิปรายรัฐบาล ไม่ใช่อภิปรายพรรคเพื่อไทย ในทางกลับกันเราต้องถามกลับฝ่ายค้านมากกว่า ว่า “ทวงทุกอย่าง แต่ค้านทุกสิ่ง” จนอาจจะทำให้คนไทยเสียโอกาส” นายดนุพร กล่าวว่า
“พท.”ไม่หวั่นเสียงวิจารณ์เดินหน้าลุย”ดิจิทัลวอเล็ต”เพราะประชาชนเรียกร้อง
ด้าน น.ส.ชญาภา สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด พวกเขาต่างสะท้อนความคิดเห็นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ เศรษฐา ว่า ในระดับพื้นที่มีความพอใจมาก เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเป็นอย่างมาก เพราะสะดวก และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพยาบาลประจำอำเภอหรือประจำจังหวัด อีกทั้งยังมีไรเดอร์ส่งยา ช่วยให้ผู้ป่วยที่ไม่สะดวกเดินทางได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง พี่น้องประชาชนต่างฝากความขอบคุณมายังพรรคเพื่อไทย ที่พัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ทำให้พวกเขาได้รับการรักษาที่ทั่วถึง ช่วยรักษาชีวิตให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก
น.ส.ชญาภา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พี่น้องประชาชนในพื้นที่ยังฝากกำลังใจให้รัฐบาลเดินหน้าลุยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต อย่าไขว้เขวกับเสียงวิจารณ์ แม้จะมีการเลื่อนไทม์ไลน์ คาดว่าประชาชนจะได้รับเงินดิจิทัลในช่วงปลายปี พวกเขาอยากให้รัฐบาลทำให้สำเร็จ ล่าช้าไม่เป็นไร ในฐานะเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราเน้นการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย และลงมือทำให้เป็นจริง เพื่อตอบโจทย์และแก้ปัญหาประชาชน เราเน้นที่เนื้องาน ไม่ใช่เนื้อหาวาทกรรมที่เลื่อนลอยไม่เกิดประโยชน์กับประเทศ
ขณะที่ นายจิรวัฒน์ อรัญญกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากจบการอภิปรายทั่วไปเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหา ในวันที่ 3 – 4 เมษายน 2567 นี้แล้ว ในวันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2567 ทางพรรคเพื่อไทยจะจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 การจัดงานครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย จะสื่อสารในประเด็น “อดีต ปัจจุบัน อนาคต” ของพรรคเพื่อไทย ที่มีต่อพี่น้องประชาชน นับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ณ ขณะนั้น เป็นพรรคการเมืองที่เป็น “ผู้นำในการปฏิรูปโครงสร้างประเทศ” เช่น การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบหลักประกันสุขภาพ , การสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่าน TCDC , การสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบกายรายย่อย ผ่าน SME Bank เป็นต้น จนมาถึงปัจจุบัน ที่พรรคเพื่อไทย ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่จะบอกเล่าถึงการปรับตัวของพรรคเพื่อไทย มีการรับองค์ความรู้ใหม่ๆ จากภายนอกเข้ามาหลากหลายสาขา เพื่อพัฒนาทั้งองค์กร บุคลากร และ ส.ส.ของพรรค เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตอบโจทย์กับความต้องการของพี่น้องประชาชนทุกคนมากขึ้น มั่นใจว่าภายในปีนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งแน่นอน และในอนาคต รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะสื่อสารในประเด็นโอกาสของประเทศไทยในเวทีโลก ทำให้ประเทศไทยกลับมาอยู่ในแผนที่โลกอย่างภาคภูมิใจอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง