จบสงครามน้ำลายได้เวลา “นายกฯ” ปั๊มผลงานโกยเรตติ้ง “ทักษิณ” รุกคืบชิงพื้นที่การเมืองคืน

ยิ่งได้เห็นภาพวันที่ ทักษิณ เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี ปรากฎว่ามีบิ๊กเซอร์ไพรส์ นางสาวสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร พรรคไทยสร้างไทย ดอดเข้าพรรคเพื่อไทยร่วมแฟรมถ่ายภาพหมู่กับ ทักษิณ ตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ว่า เตรียมย้ายพรรคมาซบ เพื่อไทย เพราะ นางสาวสุภาพร นับเป็นเด็กสร้างคุณหญิงสุดรัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแม่ทัพพรรคไทยรักไทย ยุคทักษิณ เรืองอำนาจ ต้องจับตาดูว่า นางสาวสุภาพร จะมาแบบฉายเดี่ยว หรือจะมายกก๊วน กล่อม ส.ส.อีสานอีก 2 คน นั้นคือ นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี และ นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี มาอยู่กับพรรคเพื่อไทย ด้วยหรือไม่ ดังนั้นการเดินทางเยือนจังหวัดอุดรธานีของ ทักษิณ จึงแฝงไปด้วยนัยทางการเมืองเป็นอย่างยิ่ง

และ หากจำกัดได้ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล รุกคืบทางการเมืองภาคอีสานด้วยเช่นกัน ด้วยเปิดตัวชิงสนามการเมืองท้องถิ่น ดัน นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ภายใต้สโลแกน “อุดรบ้านเฮา สิบ่ทนอยู่แบบเดิม เปลี่ยนอุดรให้ก้าวไกล” ในช่วง ไล่เลี่ยกัน พรรคก้าวไกล ก็ไปเปิดตัว “หมอเลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล” ว่าที่ผู้สมัครชิงนายก อบจ.จังหวัดภูเก็ต หรือล่าสุดบุกไปถิ่นบ้านเกิด ทักษิณ เปิดตัวแคนดิเดตนายก อบจ.เชียงใหม่เคาะชื่อ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ อดีต ผอ. อดีตผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ขณะที่พรรคเพื่อไทยยังนิ่งเงียบว่าจะส่งใครเข้าประกวด

ดังนั้นภายหลังสงครามน้ำลายจบ จะได้เห็นปรากฎการณ์ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และ ทักษิณ ขยับรุกคืบทางการเมืองไล่ตั้งแต่ลุยปั๊มผลงานเอาใจประชาชน เร่งอัดฉีดงบประมาณรายจ่ายประจำปีปี 2567 เข็นนโยบายเรือธงให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในการดูแลปัญหาปากท้องประชาชน รวมถึงเดินสายไปโกยเรตติ้งโดยเฉพาะภาคอีสาน และ ภาคใต้พื้นที่ทางยุทธศาสตร์ทางการเมือง เปิดเกมรุกกลับทวงคืนพื้นที่ทางการเมืองจากคู่แข่งไม่รอเป็นฝ่ายตั้งรับให้ฝ่ายตรงข้ามรุกไล่อยู่ข้างเดียว