ข่าวที่น่าสนใจ
“ตอนนี้บิ๊กโจ๊ก อาวุโสอันดับ 1 และพี่ก็ยืนยันมาตลอดว่าต้องอันดับ 1 เท่านั้นที่จะได้เป็น ผบ.ตร. การแต่งตั้งที่ผ่านมา หากนับไปตั้งแต่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ข้ามขั้นอาวุโสมาตลอด และแต่ละคนก็มีปัญหามาตลอด ถ้าผมมีอำนาจในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. รอบนี้ ผมก็จะเลือกอันดับ 1 ผมก็เลือก “บิ๊กโจ๊ก” เพราะว่าคนเรารับราชการมาตั้งแต่ร้อยตำรวจตรี กว่าจะถึงรอง ผบ. ตร. ใช้เวลาเกือบ 40 ปี ดังนั้นคนที่ผ่านงานมาจนกระทั่งมาเป็นอาวุโสอันดับ 1 ได้ มันไม่ง่าย ถึงแม้ “บิ๊กโจ๊ก” จะถูกมองว่าโตเร็ว แต่เค้าไม่เคยข้ามขั้นตอนของกฎหมายเหมือนบิ๊กต่อ ถึงแม้จะมีการแก้กฎ ก.ตร. เพื่อการแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อขึ้นตำแหน่ง แต่อย่าง “ต่อศักดิ์” มันเรียกว่าข้าม มันคนละอย่างกันนนะ”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ แม้ “บิ๊กโจ๊ก” จะมีข้อครหา มีมลทินตามข่าว แต่การแต่งตั้ง ผบ.ตร. ใช้จากหลักเกณฑ์อาวุโส ความสามารถ และการ ผ่านงานสืบสวนสอบสวน ตั้งตามกฎ ส่วนเรื่องการถูกตั้งกรรมการสอบสวนหรือ มีข้อครหา มีมลทิน ไม่ได้อยู่ในกฎหมาย ดังนั้นจะเอาเรื่องนอกกฎหมายมาว่าไม่ได้ “บิ๊กต่อ” ข้ามหัวคนอื่นขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. เหมือนเด็กอนุบาล 1 เลื่อนขึ้นมา ป.1 ความสามารถไม่มี ขึ้นมาก็ทำงานอะไรไม่เป็นอย่างที่เห็น เข้ามาไม่เคยทำประโยชน์อะไร ไม่มีผลงานอะไรเลย ไม่เคยคิดพัฒนาตำรวจเลย
“ มีคดีที่ไหนก็เที่ยวไปโชว์ตัว ทั้งที่แต่ละแห่ง มันมี ผู้กำกับโรงพัก มีผู้การจังหวัดอยู่แล้ว จะไปทำไม ผบ.ตร.ต้องเป็นนักบริหาร เป็นผู้นำองค์กร แต่สิ่งเหล่านี้ ไม่มีในบิ๊กต่อ คุณขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. ได้อย่างไร ความดีของ “บิ๊กต่อ” มีแค่อย่างเดียว คือ “เรียกผู้สื่อข่าวว่าพี่” และชอบแทนตัวเองว่า “พี่” จริงๆควรแทนตัวเองว่าผม เค้าจะเฟรนลี่ ไม่เฟรนลี่ อะไรผมไม่รู้หรอก แต่ผมไม่เคยสัมผัสเค้า จริงๆผมรู้จัก 2 คนนี้ เท่าๆกัน และไม่ได้สนิทกับทั้งคู่ 2 คนนี้ ห่างไกลผมมาก ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นผมเห็นใจบิ๊กโจ๊ก เค้านะ ”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกด้วยว่า เคยยกหูขอความช่วยเหลือเรื่องคดีความ ระหว่าง “บิ๊กต่อ” กับ “บิ๊กโจ๊ก” มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด “บิ๊กโจ๊ก” จัดการเรื่องราวทั้งหมดภายใน 3 วัน รู้เรื่องหมดทุกอย่าง ปิดจ๊อบ ปิดคดี มีที่มาที่ไป ส่วน “บิ๊กต่อ” จากวันนั้นจนวันนี้ เรื่องผ่านมานานชาติแล้ว ยังไม่ได้รับฟีดแบคอะไรกลับมาเลย เงียบสนิทมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
