จากกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ วาระอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ วันที่สอง ในวันนี้ (4 เม.ย.) ต่อประเด็นการปฏิรูปกองทัพ ว่า ประเด็นที่กองทัพเรือถูกตัดงบประมาณในเรือฟริเกต 17,000 ล้านบาท มีสายข่าวจากกองทัพเรือแจ้งว่ามีใครบางคนของรัฐบาลพยายามต่อสายคุย แต่ด้วยศักดิ์ศรีของกองทัพไม่คุยด้วย
กองทัพไม่ส่งเงินทอนให้จะตัดงงประมาณ ทั้งที่หลายโครงการมีความจำเป็น แม้ว่ากองทัพจะยอมให้ลดงบประมาณเหลือ 850 ล้านบาท แต่สุดท้ายงบประมาณส่วนดังกล่าวถูกตัด ยกเว้นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลที่คืนงบประมาณให้ อย่างไรก็ดีหากประเด็นดังกล่าวกองทัพไม่โปร่งใสจะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งนำความดำมืดมาเป็นชนักปักหลัง
“อีก 2 ปี เรือฟริเกตไทยต้องจะต้องปลดระวางลงอีก 1 ลำ ทำให้เหลือเรือฟริเกตไทยเพียง 3 ลำ อาจทำให้ไม่เพียงพอ ทั้งที่มีความจำเป็น เพราะจะต้องคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางเรือ คุ้มกันเรือน้ำมัน และเรือสินค้า รวมถึงลาดตระเวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน พร้อมยังย้ำว่า การจัดซื้อเรือฟริเกตลำนี้ จะเป็นการต่อเรือรบขนาดใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ เกิดการจ้างงาน และซื้อวัสดุในประเทศมหาศาล ดังนั้น การตัดงบประมาณครั้งนี้ จึงเป็นการตัดโอกาสประเทศ โดยปี 2568 จะไม่มีงบส่วนดังกล่าวเพราะไม่มีในมติครม. ดังนั้นอาจต้องรอถึงปี 2569 กองทัพเรือ ถึงจะสามารถของบประมาณใหม่ได้” นายวิโรจน์ อภิปราย
ประเด็นที่กองทัพเรือถูกตัดงบประมาณในเรือฟริเกต 17,000 ล้านบาท มีสายข่าวจากกองทัพเรือแจ้งว่ามีใครบางคนของรัฐบาลพยายามต่อสายคุย แต่ด้วยศักดิ์ศรีของกองทัพไม่คุยด้วย กองทัพไม่ส่งเงินทอนให้จะตัดงงประมาณ ทั้งที่หลายโครงการมีความจำเป็น แม้ว่ากองทัพจะยอมให้ลดงบประมาณเหลือ 850 ล้านบาท แต่สุดท้ายงบประมาณส่วนดังกล่าวถูกตัด ยกเว้นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลที่คืนงบประมาณให้ อย่างไรก็ดีหากประเด็นดังกล่าวกองทัพไม่โปร่งใสจะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งนำความดำมืดมาเป็นชนักปักหลัง
“อีก 2 ปี เรือฟริเกตไทยต้องจะต้องปลดระวางลงอีก 1 ลำ ทำให้เหลือเรือฟริเกตไทยเพียง 3 ลำ อาจทำให้ไม่เพียงพอ ทั้งที่มีความจำเป็น เพราะจะต้องคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางเรือ คุ้มกันเรือน้ำมัน และเรือสินค้า รวมถึงลาดตระเวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน พร้อมยังย้ำว่า การจัดซื้อเรือฟริเกตลำนี้ จะเป็นการต่อเรือรบขนาดใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ เกิดการจ้างงาน และซื้อวัสดุในประเทศมหาศาล ดังนั้น การตัดงบประมาณครั้งนี้ จึงเป็นการตัดโอกาสประเทศ โดยปี 2568 จะไม่มีงบส่วนดังกล่าวเพราะไม่มีในมติครม. ดังนั้นอาจต้องรอถึงปี 2569 กองทัพเรือ ถึงจะสามารถของบประมาณใหม่ได้”