วันที่ 4 เม.ย.67 เวลา 12.00น.ที่อาคารรัฐสภา ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานสภาฯ โดยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงข้อซักถามของเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า วันนี้เป็นการอภิปรายเพื่อซักถามและแนะนำปัญหาการบริหารราชการฯ จากเท่าที่ฟังดูเหมือนเป็นการกล่าวหาซะส่วนใหญ่ ซึ่งตนพยายามแกะเก็บส่วนที่เป็นประโยชน์ แม้จะเป็นการกล่าวหาแต่ก็คาดว่ายังมีมุมที่เป็นประโยชน์นำไปใช้ในการปรับปรุงการบริหารงาน
ตนเรียนสมาชิกพรรคฝ่ายค้านทั้ง 3 คน ที่อภิปรายกระทรวงกลาโหม คือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานนะประธานกรรมาธิการทหาร นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการทหาร นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.จ.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ อภิปรายจั่วหัวว่า เราหลอกลวงประชาชนบ้าง ตบตาประชาชนบ้าง เท่าที่ตนฟังวันนี้คนที่หลอกลวงประชาชนและตบตาประชาชน คือ นายวิโรจน์ เนื่องจากไปโฆษณาไว้ว่าการอภิปรายวันนี้จะคุณภาพคับแก้ว ชวนให้ประชาชนติดตามฟังทั้งบ้านเมือง แต่เอาเข้าจริงเป็นเรื่องเก่ามาก ที่นายวิโรจน์ เคยพูด และตนก็เคยตอบ หากไปเปิดดู 90% เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลเก่า เป็นพฤติกรรมที่สะสมที่ตนกับนายวิโรจน์เคยว่ากองทัพมา ย้ำว่า เป็นเรื่องเดิมในรัฐบาลเก่า เมื่อนายวิโรจน์ พูดไปพูดมาทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเรื่องเหล่านั้นเกิดในรัฐบาลปัจจุบัน ร่วมทั้งพยายามพูดว่า 6-7 เดือนที่ตนอยู่ไม่ได้ทำอะไรเลย-ไม่ได้แก้ปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนผิดหวัง
ส่วนสุดท้าย นายจิรัฏฐ์ หากฟังจนจบ ท่านกำลังอภิปรายคณะกรรมการสอบสวน ของกองทัพเรือที่ตั้งสอบสวนเรื่องเรือหลวงสุโขทัย ซึ่งไม่เกี่ยวกับตน และส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับตน แต่ตนพยายามเอาตัวเองไปเกี่ยวและพยายามรับผิดชอบให้ ตนขอชี้แจงว่า กรณีนายจิรัฏฐ์ ที่อภิปรายเรื่องเรือรบหลวงฯ ล่ม ซึ่งวันนี้ยังไม่มีการลงโทษ และยังไม่ได้ดำเนินการอะไรปล่อยให้เขาปาหี่ ตนก็นั่งดุเหมือนนายจิรัฏฐ์ ว่าเขาจะปาหี่หรือไม่ จะสรุปอย่างไร เมื่อเขาตั้งกรรมการสอบสวนไปแล้ว สอบสวนไม่จบ รัฐมนตรีจะไปลงโทษ นั่นไม่ใช่วิธีการบริหาร ต้องปล่อยให้สอบสวนจนจบและให้รายงานมา
ส่วนเมื่อรายงานเข้ามาแล้ว ตนจะนำข้อสังเกตที่ นายจิรัฏฐ์ พูดทั้งหมดในวันนี้ไปตรวจสอบกับผลการสอบสวน หากท่านมีเหตุผล และของทหารเรือไม่มีเหตุผล ถ้าเป็นลักษณะปาหี่จริง นายจิรัฏฐ์ ไม่ต้องห่วง ตนตั้งกรรมการใหม่ได้ ฉะนั้น ตนจดไว้ทั้งหมดสำหรับข้อสังเกตที่ท่านพูดมา แต่จะดีกว่านี้หากท่านสรุปจดมาให้ตน โดยทหารเรือสรุปมาให้ตนในวันที่ 9 เม.ย.67 นี้ ว่า เรือหลวงสุโขทัยใครผิด ใครถูก และบุคคลใดควรได้รับโทษ ซึ่งวันนั้นเดี่ยวท่านเดินทางไปกับตน ย้ำ ต้องนำคนผิดมาลงโทษให้ได้ และไม่ให้มีแพะเด็ดขาด ซึ่งตนขอตอบ นายจิรัฏฐ์ เพียงเท่านี้ เนื่องจากยังไม่ถึงหน้าที่ตน ที่ต้องลงไปทำ
ส่วนนายชยพล ตนขอชี้แจงว่า ตนพยายามหาประเด็น ซึ่งเข้าใจว่าคงคล้ายกับนายวิโรจน์ จึงขอตอบรวมทีเดียว ส่วนนายวิโรจน์ ตนชี้แจงว่า ท่านอภิปรายดี แต่ไปลงในรายละเอียดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เยอะมาก ซึ่งเคสที่ยกมา หากตนไปตามตอบทุกเคส วันนี้คาดว่านานมาก ซึ่งสิ่งที่นายวิโรจน์ยกมานั้น แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างที่ล้มเหลวของกองทัพที่มีมายาวนาน ซึ่งตนจะตอบนายวิโรจน์ ในเชิงโครงสร้างว่า ตนทำอย่างไรกับโครงการดังกล่าว หากตนแก้โครงสร้างดี เคสเล็กๆ น้อยๆ ที่นายวิโรจน์ ยกมาจะถูกแก้ไป แต่หากแก้ไม่ดีและผิดทาง มันก็จะยังคงอยู่ต่อไป และระยะเวลาอีกกว่า 3 ปี ตนคิดว่าท่านกับพวกตนเราสามารถร่วมทำงานกันได้
อย่างไรก็ตาม ตนเรียนว่า ประเทศยังต้องมีกองทัพ และกองทัพเป็นองค์กรที่รับผิดชอบด้านความมั่นคง ซึ่งความมั่นคงส่งผลกระทบต่อทุกคน หากความมั่นคงดีทุกคนจะได้รับประโยชน์ กินอิ่ม นอนอุ่น ฉะนั้น จะเกลียดกองทัพ หรืออคติต่อกองทัพ แต่สุดท้ายกองทัพยังคงต้องมีอยู่กับเรา และต้องแก้ไขกองทัพร่วมกันให้มีคุณภาพ ดังนั้น การอภิปรายวันนี้ เราต้องเอากองทัพไว้ และทำกองทัพให้มีคุณภาพ หากตนทำไม่ดี ท่านก็แนะนำมา
นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อตนเป็นรัฐมนตรี คำนึงถึงนโยบายที่ได้พูดไว้ว่าเราพร้อมปฏิรูปกองทัพ ทำกองทัพให้ทันสมัย และเป็นที่ยอมรับของประชาชน สู้กับภัยคุกคามทุกรูปแบบ ทั้งภัยเก่า และภัยใหม่ แต่ก่อนการปฏิรูปกองทัพ เราต้องเข้าไปดูข้างในก่อน ว่าองค์กรที่เราจะปฏิรูป เขาได้ตระหนักรู้ถึงปัญหา เขาได้ปฏิรูปกันไว้หรือไม่ หากทำอยู่แล้ว เราต้องใช้วิธีการที่ลดระดับลงมา แต่หากเขาไม่ตระหนักทั้งที่มีปัญหา แน่นอนว่าเราต้องใช้ไม้แข็ง และกระบวนการจากภายนอกเข้าไปขับเคลื่อน
“เมื่อผมเข้าไปดูแล้ว ก็เป็นไปตามที่นายวิโรจน์ กล่าวว่า ลุงตู่ทำอยู่แล้ว กองทัพทำอยู่แล้ว นายสุทินก็ไปเคลมผลงานเขา รัฐบาลชุดนี้ไม่ทำอะไร นั่นท่านยอมรับว่า “เขาทำอยู่แล้วนะ” กองทัพทำอยู่แล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำอยู่แล้ว และคนอื่นทำอยู่แล้ว ซึ่งตนก็เห็นเหมือนกับท่าน ดังนั้นเมื่อเห็นเช่นนั้น ผมใช้ไม้อ่อนก่อน ให้คนภายในคิด และปฏิรูปเองก่อน หากทำไม่ได้ดั่งใจเรา ค่อยกลับมาว่ากันใหม่ที่กรรมการปฏิรูปจากภายนอก ซึ่งต้องแยกกันระหว่างปฏิรูปกับปฏิวัติ ต้องคิดให้ต่างกัน และอย่าสับสนเพราะนโยบายของท่านปฏิวัติกองทัพ หรือปฏิรูปกองทัพ ซึ่งหากปฏิวัติ คือฉับพลันทันด่วน ทำเองทีเดียว (เปรี้ยงเลย) ไม่ต้องให้มีส่วนร่วม ส่วนปฏิรูป ต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป คือการร่วมคิดร่วมทำและร่วมรับผิดชอบ ฉะนั้นนายวิโรจน์ต้องกลับไปดูว่าสิ่งที่ท่านเขียนไว้เป็นการปฏิวัติหรือการปฏิรูป”นายสุทิน กล่าว