แมคโดนัลด์ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางบริษัทได้ซื้อร้านสาขาทั้งหมด 225 แห่ง จากบริษัทอโลเนียล (ผู้เป็นเจ้าของและบริหารร้านแมคโดนัลด์ในอิสราเอล) เราขอขอบคุณบริษัทอโลเนียล ที่สร้างธุรกิจและแบรนด์ของแมคโดนัลด์ในอิสราเอล ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี พนักงานทั้งหมด 5 พันคน รวมถึงร้านอาหารและการดำเนินงานในอิสราเอล จะยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน โดยทางบริษัทจะยังคงมุ่งมั่นต่อตลาดอิสราเอล และเพื่อให้มั่นใจว่า พนักงานและลูกค้าจะได้รับประสบการณ์เชิงบวกในตลาดต่อไป
ด้านนายอมรี ปาดัน CEO และเจ้าของบริษัทอโลเนียล ก็ออกแถลงการณ์ประกาศขายธุรกิจของแมคโดนัลด์ในอิสราเอล คืนแก่แมคโดนัลด์ ซึ่งเมื่อธุรกรรมเสร็จสิ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แมคโดนัลด์ คอร์ปอเรชั่นก็จะเข้ามาเป็นเจ้าของร้าน แต่การดำเนินงานของบริษัทอโลเนียลรวมถึงพนักงานจะยังคงอยู่ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ ซึ่งปาดันได้ระบุว่า เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ที่บริษัทอโลเนียลรู้สึกภูมิใจที่ได้นำแมคโดนัลด์มาสู่อิสราเอล และรับใช้ชุมชนของเรา เราได้พัฒนาแบรนด์จนกลายเป็นเครือร้านอาหารชั้นนำและประสบความสำเร็จมากที่สุดในอิสราเอล
ทั้งนี้ แมคโดนัลด์ได้ตกอยู่ภายใต้การคว่ำบาตร นับตั้งแต่บริษัทอโลเนียล ผู้รับแฟรนไชส์ออกประกาศหลังจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมว่า จะบริจาคอาหารฟรีให้กับกองทัพอิสราเอลท่ามกลางสงครามฉนวนกาซา และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากที่การถ่ายทำร้านในอิสราเอล ที่มีการแจกอาหารฟรีหลายพันมื้อแก่ทหารอิสราเอลจริง ซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจให้กับผู้บริโภคทั่วตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เช่น ปากีสถาน มาเลเซีย และซาอุดิอาระเบีย จนนำไปสู่การพร้อมใจกันคว่ำบาตรแมคโดนัลด์ และส่งผลให้รายได้ในไตรมาสที่ 4 ของบริษัท ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดอย่างมาก
นอกจากนี้ แบรนด์ตะวันตกอื่นๆ เช่น KFC, Starbucks และ Unilever ก็กำลังเผชิญกับการตอบโต้เช่นกัน หลังผู้คนรับรู้ถึงจุดยืนของแบรนด์เหล่านี้ เกี่ยวกับความขัดแย้งในอิสราเอลแปาเลสไตน์ โดยผู้ประท้วงในอิสราเอล ยังได้จุดไฟเผาร้าน KFC เมื่ออาทิตย์ที่แล้วด้วย ทั้งนี้ การคว่ำบาตรต่อแบรนด์สินค้าสำคัญๆ ของชาติตะวันตก เกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา ภายหลังกลุ่มติดอาวุธฮามาส บุกโจมตีทางตอนใต้ของอิสราเอล เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว