ปลื้มปิติ “สว.-สถาบันพระปกเกล้า” ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เฉลิมพระเกียรติ ร.10

โดยศาสตราจารย์พิเศษวิชา ได้กล่าวเปิดโครงการว่า หลังจากการบวชเป็นสามเณรแล้วจะต้องอยู่ต่อถึงวันที่ 20 เมษายน 2567 ก็ต้องมีการผสมผสานกันเนื่องจากมีหลายช่วงอายุ เมื่อเข้ารับการบวชแล้วจะต้องเป็นสามเณรที่เคร่งครัดอยู่ในวินัย ฉะนั้นสามเณรต้องมีความอดทน อดกลั้น มากกว่าเด็กคนอื่นๆ ที่ไม่สามารถจะไปเล่นสนุกสนานได้โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ขออวยพรให้ทุกๆคนมีสุขภาพที่สมบูรณ์ ทั้งกาย และใจ มีสติปัญญาแจ่มใส ปฏิบัติหน้าที่ของสามเณรในฐานะของพุทธคยาได้อย่างดีที่สุด อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าด้วยบุญบารมีของลูกหลานทุกคนรวมทั้งผู้ปกครองที่มีจิตใจที่ดีงามส่งเด็กเหล่านี้มาเป็นทายาทในพระพุทธศาสนาด้วยความเต็มอกเต็มใจ บุญบารมีเหล่านี้ย่อมส่งผลให้ลูกหลานที่เข้ามาบวชเป็นสามเณรทุกรูป สามารถผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายไปได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ นายกรรณภว์ สมาชิกวุฒิสภา หนึ่งในผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพการจัดงาน เผยว่า ปีนี้เป็นปีแห่งความสำคัญของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระชนมายุ ครบ 6 รอบ โดยปกติทุกๆปีทางวัดจะจัดบวชเณร ซึ่งปีนี้สำคัญมาก ในฐานะที่ตนเป็นสมาชิกวุฒิสภา และเป็นกรรมการวัด อีกทั้งเป็นนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า ปปร.รุ่นที่ 20 ต้นจึงเห็นว่าควรจัดให้สมพระเกียรติ เป็นการฉลองให้กับพระองค์ท่านครบ 6 รอบ 72 พรรษา และจัดให้มีความหมายโดยให้มีการอบรมเด็กรู้จักสำนึกบุญคุณของบิดา-มารดา และให้รู้จักรับผิดชอบต่อสังคม

เหนือสิ่งอื่นใด ให้รู้จักสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักของพวกเรา ส่วนเมื่อถามว่าเด็กและเยาวชนที่เข้ารับการบวชเณรจะได้รับอะไรกลับไปบ้าง นายกรรณภว์ ระบุว่า เมื่อเสร็จสิ้นจากการบวช คณะกรรมการที่ร่วมกันจัดโครงการขึ้นหลายฝ่าย จะให้ทุนการศึกษาแก่เด็กๆและเยาวชนหลังจากเสร็จสิ้นการบวชสามเณร เพื่อให้เด็กๆทุกคนตั้งใจศึกษาเล่าเรียนต่อไป

ส่วนวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมเด็กๆและเยาวชน เนื่องจากชาวบางคอแหลมบริเวณรอบวัด เป็นชาวบ้านที่อยู่กันแออัด ซึ่งเราเห็นช่วงการปิดภาคเรียนฤดูร้อน ให้เด็กมาบวชรวมทั้งให้มีความรู้ดีกว่าปล่อยให้เด็กอยู่เฉยๆ ทั้งนี้หลังจากหยุดโครงการดังกล่าวไป 3 ปีเนื่องจากเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทางวัดจะจัดอยู่แล้ว ซึ่งไหนๆปีนี้จะจัดขึ้นแล้วจึงขอให้จัดเป็นการเฉลิมพระเกียรติไปในตัวด้วย

อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าในทุกๆปีเป็นกิจกรรมที่ดี ของทางวัดที่จัดขึ้นมา ซึ่งการบวชเณรนอกจากให้รู้ในเรื่องของพุทธศาสนา เพื่อให้ตนเองอยู่ในศีลในธรรม และยังได้ความรู้ โดยจะมีวิทยากรอบรมให้ความรู้ต่อการรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นโครงการที่ดี