AFP และ RT รายงานว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยรัสเซียได้เร่งทำงานตลอดวันตลอดคืน เพื่ออพยพประชาชนในพื้นที่อันตรายมาไว้ที่ศูนย์ประสบภัย ล่าสุดสามารถอพยพออกมาได้แล้ว 4 พัน 402 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กจำนวน 1,100 คน
การอพยพมีขึ้นหลังจากเขื่อนที่เมืองออร์สก์ แคว้นโอเรนเบิร์ก ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซียใกล้พรมแดนคาซักสถานเกิดแตกขึ้นมาเมื่อคืนวันศุกร์ ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่เมืองออร์สก์ไปแล้วกว่า 6 พันหลัง และน้ำยังคงไหลออกจากเขื่อนอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะกระทบประชาชนราว 1 หมื่น 1 พันคน นายเซอร์เกย์ ซาลมิน นายกเทศมนตรีเมืองออร์สก์ประกาศเตือนให้ผู้ที่อยุ่ในพื้นที่เสี่ยงเร่งอพยพโดยทันที หากฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่จะใช้กำลังบังคับ ล่าสุดผู้นำรัสเซียได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่รัสเซียได้สั่งให้เปิดการสอบสวนในคดีอาญาในข้อหาละเลยและละเมิดกฎความปลอดภัยด้านการก่อสร้างจากเหตุเขื่อนแตก เนื่องจากเขื่อนนี้เพิ่งสร้างเมื่อปี 2557 โดยมีอายุเพียง 10 ปีเท่านั้น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยว่า เขื่อนหลังนี้สร้างสำหรับรองรับน้ำที่ระดับ 5.5 เมตร แต่เช้าวันเสาร์ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นไปถึง 9.3 เมตรและยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องและน้ำแข็งละลายมาจากเทือนเขาอูราล ซึ่งอยู่ใกล้เคียงเนื่องจากอุณหภูมิเพิ่มสูง เจ้าหน้าที่เผยว่าก่อนที่เขื่อนจะแตก มีผู้ไปพบรูรั่ว 2 แห่ง ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งสร้างแนวกั้นเพื่อชลอการไหลของน้ำ และล่าสุดมีการสั่งปิดถนนไปกว่า 100 แห่งและสะพาน 47 แห่งหลังถูกน้ำท่วมจนใช้การไม่ได้แล้ว ทั้งนี้เมืองออร์สก์มีประชากรทั้งสิ้นราว 5 แสนคน
ด้านประธานาธิบดีคัสซิม-โจมาร์ท โตคาเยฟ ผู้นำคาซักสถานได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินหากน้ำจากเขื่อนรัสเซียไหลมาถึงคาซักสถาน