“นักเขียนดัง” เย้ยเขมร ทั่วโลกไม่รู้จักเทศกาล “โจลชนำทเม็ย” สุดท้ายตัดใจเปลี่ยนใช้ชื่อ “สงกรานต์” แถมขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก ถามแรง-สะกดคำว่าอายเป็นไหม จับตาจะเคลมอะไรไทยอีก

ทำเอาคนไทยที่ทราบข่าวนี้แล้ว ถึงกับช็อกไปตามๆ กันเลยทีเดียว หลังมีรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ประกาศแผนเสนอรายชื่อทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ที่จับต้องได้ 7 รายการ และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ 3 รายการ เพื่อขึ้นบัญชีรายชื่อมรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งในจำนวนนี้มี “เทศกาลสงกรานต์” รวมอยู่ด้วย

ทั้งนี้ฮุนมาเนต กล่าวว่า “เราจะเสนอรายชื่อเหล่านี้ เป็นมรดกโลกของยูเนสโก เพื่อให้ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของบรรพบุรุษของเรา ได้รับการยอมรับ และอนุรักษ์ในระดับสากล” พร้อมเสริมว่า ปกติแล้วการขึ้นทะเบียนจะใช้เวลาเกือบสองปี และแต่ละประเทศสามารถยื่นเสนอรายชื่อเป็นมรดกโลก ของยูเนสโกได้ ปีละ 1 รายการเท่านั้น กัมพูชาจะยื่นเอกสารเพื่อขึ้นทะเบียนสงกรานต์กัมพูชา ลงในรายการมรดกที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโกในปี 2025 และคาดว่าจะได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ ในปี 2026

หลังข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปเท่านั้นแหละค่ะ โซเชียลเดือดไฟลุกเลยทีเดียว เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เช่น
-เคลมเก่งงงงง วันๆ ไม่ทำอะไร ไล่เคลมอย่างเดียว

-การยื่นมรดกโลกนั้น ต้องมีประวัติความเป็นมา มีบันทึกชัดเจน มีการละเล่นอย่างต่อเนื่อง มีวัฒนธรรมที่ดำรงมาแต่โบร่ำโบราณนะ ไม่ใช่พึ่งมาทำ
-ทำไมไม่ยื่นในชื่อเดิม มายื่นชื่อซ้ำกับไทยทำไม
-เคลมโบเดียมาอีกและ
-ขออนุญาต ขำ
-หวังว่าจะเป็นข่าวปลอมในวันเมษาหน้าโง่นะ
-มหามิตร

ข่าวที่น่าสนใจ

ตลาดเสื้อผ้าโคราชคึกคัก คนแห่ซื้อเสื้อลายดอก รับวันสงกรานต์ 2567

โคราชเร่งหาเลือดสำรองพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์ รพ.เซนต์นเมรี่จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และในโอกาสครบรอบ 50 ปีก่อตั้งโรงพยาบาล

“คุณตา” CEO แชมพูมะกรูด เปิดตัวคอลเลคชั่นวันสงกรานต์ โซเชียลแซวยับ

ด้านนายปฏิพล อภิญญาณกุล นักเขียนชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ว่า มันคือ “ความอ่อนแอทางวัฒนธรรม” เขมรยอมทิ้งคำว่า “โจลชนำทเม็ย” แล้วเคลมเอาคำว่า “สงกรานต์” ไปเป็นของตัวเอง “สงกรานต์” ของไทย ได้รับขึ้นทะเบียน UNESCO ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 66 พอข้ามมาในปี 67 ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้นำชื่อสงกรานต์ ยื่นขอขึ้นทะเบียนกับ UNESCO บ้าง

ฮุน มาเน็ต มีชื่อบรรดาศักดิ์ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเลิศหรูว่า “พลเอก สมเด็จมหาบวร ธิบดี ฮุน มาเน็ต” ซึ่งฮุน มาเน็ต เป็นลูกชายของ นาย ฮุนเซ็น ผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญกัมพูชา ฮุนเซ็น ตอนแรกๆ ก็เป็นเพียงนายฮุนเซน ต่อมาเมื่อได้ครองอำนาจมาระยะหนึ่ง จึงได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้เป็น “จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน”

เดิมนั้นเขมร ไม่เคยคิดจะใช้คำว่า สงกรานต์ .. เขมรมีคำเรียกเกี่ยวกับเทศกาลนี้อยู่แล้วตั้งแต่โบราณว่า “โจล ชนำ ทเม็ย” แต่คำว่า โจล ชนำ ทเม็ย กลับไม่เป็นที่รู้จักของชาวโลก

เหมือนคำว่า มวยกุนขแมร์ ที่เต้นโหยงเหยง เหมือนถูกน้ำร้อนลวก .. ก็ไม่เป็นที่รู้จักในโลก เขมรจึงได้พยายามด้อยค่า มวยไทย .. ว่าไทยขโมยศิลปะการชกมวยมาจากเขมร

โจล ชนำ ทเม็ย ก็ตกอยู่ในลักษณะผลักดันไม่ขึ้น เช่นเดียวกับมวยกุนขแมร์ ท้ายที่สุดจึงต้องมั่วเอา ด้วยเหตุผลเถื่อนๆ ว่าสงกรานต์ เป็นสิ่งที่อยู่ในภาพแกะสลักของกำแพงนครวัด และกัดฟันตัดใจทิ้งคำว่า โจล ชนำ ทเม็ย ที่ใช้มานับหลายร้อยปี หันมาใช้คำว่า “สงกรานต์” ในปีนี้แทน โดยไม่ยอมรับว่าเลียนแบบไทย ทั้งๆ ที่อยากจะเคลมชาติไทย ไปเป็นของตัวเอง

แต่ก็ไม่แน่ .. ใครจะรู้ว่า ในมุมลับซอกหนึ่งของนครวัด อาจจะเริ่มต้นการแกะสลักปูน ที่เป็นภาพแผ่นดินอยุธยา ตกอยู่ภายใต้อำนาจ “พระบาทตระซ็อก ประแอม” ของเขมรก็ได้
เมื่อแกะสลักปูนเสร็จ คงออกมาเคลมทุกอย่างของไทยได้ โดยสะกดคำว่า “อาย” ไม่เป็น

ดังนั้นนับตั้งแต่เมษายน ปี567 เป็นต้นไป บนผืนดินเอเซียอาคเนย์ จะมีคำว่า วันสงกรานต์ ใช้อยู่ 2 ประเทศ คือ

1 . ต้นฉบับแท้ คือ ประเทศไทย
2 . ฉบับลอกเลียนแบบ คือ กัมพูชา
ใครอยากเที่ยววัฒนธรรมงดงาม ประณีต ควรมาเที่ยวที่ประเทศไทย ส่วนใครอยากเที่ยววัฒนธรรมอ่อนแอ หยาบกระด้าง ควรไปที่กัมพูชา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เขมรทิ้งเทศกาล “โจลชนำทเม็ย” เปลี่ยนมาใช้สงกรานต์ นักเขียนดังถามแรง อายเป็นไหม