นิรโทษกรรม ทำ “เพื่อไทย” สู่หายนะ กปปส. รวมตัว ถีบหัวส่ง “ตระกูลชินวัตร”

เพราะนิรโทษกรรมสุดซอย ที่ถูกเสนอขึ้นมาโดย พรรคเพื่อไทย หวังเปิดช่องให้ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับไทย เคยทำให้เหล่ามวลมหาประชาชน ทั่วประเทศ ออกมาขับไล่ “ยิ่งลักษณ์” จนเหตุการณ์บานปลาย สู่การยึดอำนาจของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อปี 2557 กระทั่งล่าสุดท่ามกลางความเป็นห่วงกังวล ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังจะเกิดขึ้น ในวันที่ 10 กันยายน 2564 จะเข้าทางโจรอีกหรือไม่

ย้อนไปเมื่อปี 2556 ความพยายามของฝ่ายตรงข้าม ที่ไม่พึงพอใจในการบริหารงานของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ได้มีแกนนำออกมาหยิบยกประเด็นจุดบอดต่างๆ นำข้อมูลโจมตี ปลุกระดมประชาชนที่คิดเหมือนกันพยายามออกมาประท้วงขับไล่เป็นระยะๆ ทว่าไม่มีผลกระทบใดๆ กับความแข็งแกร่งและเสียงข้างมากที่คอยสนับสนุนรัฐบาลยุคนั้น สมัยนั้น … กระทั่งท้ายที่สุด เมื่อรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามชูร่างกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ “เหมาเข่ง“…..และนั่น คือจุดเริ่มต้นของการจุดไฟเผาตัวเอง

• ร่างกฎหมาย “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” หรือ “นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย”
พ.ร.บ.ดังกล่าว มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน” …. จุดพลิกผันสู่การประกาศยุบสภาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ 9 ธ.ค. 2556 อันเนื่องมาจากกระแสต่อต้านร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่เสนอโดย “นายวรชัย เหมะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และคณะ เนื่องมาจากร่าง พ.ร.บ. ที่นำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 นั้น เป็นร่างที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากได้แก้ไขเนื้อหาจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับเดิมของนายวรชัย เหมะ ที่มีวัตถุประสงค์ต้องการนิรโทษกรรมผู้ต้องขังจากคดีเผาศาลากลางจังหวัดจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในปี 2553

ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกอบด้วย 7 มาตรา คณะกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่เป็นฝ่ายรัฐบาลได้แก้ไขมาตรา 3 และมาตรา 4 ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้มีผลนิรโทษกรรมครอบคลุมหลายฝ่าย ทั้ง “ฝ่ายพันธมิตรฯ และฝ่าย นปช.” ที่สำคัญยังรวมถึง “ดร.ทักษิณ ชินวัตร” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ซึ่งกรณีหลังนี้ทำให้เกิดเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 2553 พรรคฝ่ายค้าน องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ รวมทั้งแกนนำ นปช. และกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเท่ากับเป็นการนิรโทษกรรมให้แก่คดีอาญา “ฆ่า-เผา” และ “ผู้ทุจริตคอร์รัปชัน” รวมไปถึงการพา ทักษิณ กลับเข้ามาอยู่บ้านเกิดในเมืองไทย

• มวลชนเสื้อแดงเสียงแตก – พรรคเพื่อไทย ทะเลาะกันเอง

ถึงได้บอกไงว่า ถ้าไม่มี พ.ร.บ.สุดซอย รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะไม่เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดสู่การยุบสภาฯ เพราะนอกจากจะทวีคูณความไม่พอใจให้ฝ่ายตรงข้ามแล้ว ยังทำให้คนเสื้อแดง หรือประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด มีการแบ่งแยกแตกเป็น 2 กลุ่ม ด้วยเหตุผลที่ว่า 1.กลุ่มคนเห็นด้วย (สนับสนุนเพื่อไทย) ต้องการจะเคลียร์ทุกอย่างทางการเมืองให้เป็นศูนย์ เพื่อเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ คนที่เคยรับโทษทุกฝั่งฝ่าย หลุดพ้นจากคดี และเดินทางประเทศไทยต่อ ด้วยความมุ่งหวังที่ว่า ประเทศชาติจะพัฒนาขับเคลื่อนไปได้ดีกว่าที่เป็นอยู่

2.กลุ่มคนไม่เห็นด้วย (สนับสนุนเพื่อไทย) รู้สึกไม่พอใจที่ออก พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวสนับสนุนให้ล้างโทษของนักการเมืองที่มีส่วนในการสั่งฆ่าประชาชนเมื่อกลางปี 2553 รวมไปถึงการล้างโทษให้พวกที่เผาบ้านเผาเมือง คนกลุ่มนี้ถึงแม้จะมีใจสนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่ก็ได้ออกมาแสดงสัญลักษณ์การต่อต้าน พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านทางโลกโซเชียล และต้องการให้ยับยั้งการนิรโทษกรรมคนผิดทั้งหมด

 

• ปลุกพลังก่อกำเนิดมวลมหาประชาชน ขับไล่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์
ปัญหาเริ่มบานปลายขึ้น เมื่อกลุ่มคนที่คัดค้าน พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้ออกมารวมตัวกันตามคำเชิญชวนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จนก่อเกิดเป็นม็อบ กปปส. หรือ ม็อบนกหวีด หรือ “มวลมหาประชาชน” และหลังจากนั้น แม้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 9 ธ.ค. 2556 เพราะต้านกระแสการชุมนุมไม่ไหว และได้จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ. 2557 การต่อต้านการผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ “เหมาเข่ง” ก็ได้ยกระดับเป็นปฏิบัติการขับไล่รัฐบาล นำโดย 8 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ “ถอดสูท-ทิ้งสภา-เดินหน้าสู่ถนน” นำมวลชนที่เรียกตัวเองว่า “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (กปปส.) ภายใต้การนำของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาชุมนุมขับไล่ต่อเนื่อง

• “ลุงกำนัน” รวมพล “คนเกลียดทักษิณ” ไม่เอาตระกูล “ชินวัตร”
หลายคนออกตัวก่อนเลยว่า พวกเค้าไม่ได้ฝักใฝ่เลือกข้างพรรคประชาธิปัตย์ แต่ที่ออกมารวมตัวกัน เพราะไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะการออก พ.ร.บ.เหมาเข่ง สุดซอย รู้สึกเหมือนเป็นการเอื้อผลประโยนช์ของตัวเองมากกว่าต้องการทำเพื่อส่วนรวม เหมือนว่าอยากจะพานายกฯ ทักษิณกลับเข้าเมืองไทย จนเกิด พ.ร.บ.สุดซอยขึ้นมารองรับ … กลุ่มนักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน และคนไม่เอาทักษิณ ออกมารวมตัวกันอีกครั้ง โดยโบกสะบัดธงชาติไทยมีสัญลักษณ์ลายธงชาติผูกติดบนศีรษะ หรือประดับตกแต่งตามร่างกาย เป่านกหวีดขับไล่กันครึกครื้น ไม่ต่างกับม็อบกู้ชาติเมื่อปี 2548-2549

• กปปส. เดินเกมรุก กดดันทุกทาง ขัดขวางเลือกตั้ง

กลุ่มแกนนำ กปปส. ได้นัดรวมตัวออกมาชุมนุม สร้างความปั่นป่วน กดดันด้วยยุทธวิธีเชิงรุก ตั้งแต่การเข้ายึดสถานที่ราชการหลายแห่ง เปิดปฏิบัติการ “ชัตดาวน์กรุงเทพฯ”, ตั้ง 7 เวทีชุมนุมใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ไปจนถึงการปิดล้อมคูหาเลือกตั้ง มีการนำมวลชนไปนั่งขวางทางประชาชนที่เดินทางเข้าไปใช้สิทธิ์ เกิดปัญหาบานปลายทำลายสถานที่เลือกตั้ง และกระทบกระทั่งกันเป็นวงกว้าง ซึ่งทำให้การเลือกตั้งปี 2557 ต้องกลายเป็นโมฆะ อย่างไรก็ตาม การออกมากดดันดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นการยั่วยุฝ่ายรัฐบาล ประหนึ่งต้องการให้ทหารออกมายุติเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งหมดเอาไว้

•22 พ.ค. 57 “พลเอกประยุทธ์” ยึดอำนาจการปกครอง
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผบ.ทบ. ให้เหตุผลในการทำรัฐประหารว่า สิ่งหนึ่งที่เป็นห่วงคือเราไม่สามารถปล่อยให้มีปัญหากันต่อไป หรือมีความขัดแย้งต่อไปโดยที่ไม่มีทางออกได้ ซึ่งต้องเริ่มที่ตัวของตนเองก่อน คือพร้อมทำทุกอย่างให้เกิดความสันติสุขโดยเร็ว ทุกท่านให้เกียรติกองทัพ และการประกาศกฎอัยการศึกนั้น คิดว่าหลายท่านมีข้อขัดแย้ง แต่เรียนว่าจะทำอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้เกิดความสงบสุข และไม่ต้องมากังวลแทนตนเพราะไม่ว่าจะผิดหรือถูกอย่างไร

“ผมรับผิดชอบทุกประการ เพราะผมเป็นคนที่เกิดในแผ่นดินนี้ เป็นหนี้แผ่นดินนี้ ก็จำเป็นจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ และพยายามใช้อำนาจความมั่นคงเป็นหลัก แต่มีความเกี่ยวพันกันในหลายมิติ หากก้าวล่วงอะไรไปบ้างหรือใช้อำนาจอะไรไปบ้างต้องขออภัย อย่างไรก็ตาม ผมให้เกียรติทุกท่านเสมอ”

วันที่ 22 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พร้อม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. , พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. , พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่องการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ

“ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กทม. เขตปริมณฑล และพื้นที่ต่างๆ ของประเทศในหลายพื้นที่เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวจนอาจจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเขาสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรักความสามัคคีเช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป”

•จับตาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจเข้าทางโจร

จากนี้ไปอย่าพลาดสายตาหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองล่าสุด หลังพรรคพลังประชารัฐต้องการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องระบบการเลือกตั้ง โดยจะมีการโหวตวาระ 3 ในวันที่ 10 ก.ย.2564 จากบัตรใบเดียวใช้วิธีคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อแบบจัดสรรปันส่วนผสม ส.ส.เขต 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน ถอยหลังเข้าคลองกลับไปใช้วิธีเลือกตั้งแบบเก่า ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน

ท่ามกลางความเป็นห่วงกังวลของหลายคน ว่าอาจจะหลงเหลี่ยมอำนาจเก่ากลายเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าทางโจร เปิดโอกาสให้นายทักษิณนักโทษหนีคดีได้กลับบ้านสมความตั้งใจ ปูทางให้พรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจเข้ามาฮุบประเทศอีกครั้ง ที่นั้นจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นความวุ่นวายรอบใหม่ และอนาคตอาจทำให้บ้านเมืองกลับมาลุกเป็นไฟไม่จบสิ้น

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

คอหวยแตกตื่น!!แห่ร่วมพิธีและส่องเลขหางประทัดพิธีอัญเชิญพระบรมรูปทรงม้าสมเด็จพระเจ้าตากสินขึ้นประดิษฐาน ณ วัดคงคาเลียบเมืองคอน
"เจ๊อ้อย" เปิดใจหลังให้ปากคำเป็นวันที่ 4 พร้อมเอาผิด "ทนายตั้ม" ยืนยันคำเดิม เงิน 71 ล้าน ไม่ได้ให้โดยเสน่หา
"สุสานเนอร์วาน่า" แจงชัดไร้ส่วนเกี่ยวข้อง พิธีซื้อที่ดินสะเดาะเคราะห์ต่อชีวิตของ "หมอดูฮวงจุ้ย"
“อนุทิน” มอง “ปทุมธานี” เป็นเมืองต้นแบบกระจายอำนาจ ยินดี “บิ๊กแจ๊ส” นั่งนายกฯอบจ.
สุดเศร้า ลูกเศร้า กลับจากโรงเรียนเจอพ่อผูกคอดับ ขณะแม่ได้ข้อความขอโทษจากลูกชาย แต่ไม่ได้เอะใจ
จังหวัดฉะเชิงเทรา จัดงานนมัสการหลวงพ่อโสธรและงานประจำปีจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 134 ระหว่างวันที่ 12 - 24 พฤศจิกายน 2567 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา
‘ทนายไพศาล’ ยืนยันไม่ได้เป็นทนายให้ ‘ซินแสดัง’ขออีกฝ่ายอย่าเอารูปถ่ายคู่กันไปแอบอ้าง
งาน CIIE ครั้งที่ 7 เปิดฉากแล้วที่จีน
ตร.เมืองชล ตั้งด่านป้องปรามอาชญากรรม-ยาเสพติดกลางดึก หนุ่มขนยาบ้า 3 แสนเม็ด ขับผ่านด่านแต่ไม่รอด สารภาพรับจ้างขนยา 3 หมื่น ยังไม่ได้รับค่าจ้าง ถูกจับเสียก่อน
เลือกตั้งสหรัฐเปิดฉากขึ้นแล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น