ลากไส้ “ก้าวไกล” แผนสูงเตะถ่วงคดีล้มล้าง ซื้อเวลายุบพรรค ได้ตั้งหลักสู้ หาร่างทรงใหม่ ปั่นกระแสยิ่งยุบยิ่งโต

ซื้อเวลายุบพรรค 60 วันนาทีทองปั่นกระแสยิ่งยุบยิ่งโต

หรือ อีกแผน คือ เรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดห้องพิจารณาคดีไต่สวนคำร้อง สังเกตได้จากคำให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ที่ระบุว่า พรรคก้าวไกลจะขอสิทธิ์ในการไต่สวน เพื่อจะได้ต่อสู้ทางคดีอย่างเหมาะสม เพราะเรื่องนี้โทษหนักกว่าคราวที่แล้วคราวที่แล้วมีเอาไว้เพียงแค่ปรามป้องกัน เรายังมีสิทธิ์ได้ไต่สวน แต่คราวนี้ถึงกระทั่งยุบพรรค ประหารชีวิตการเมือง มันจะได้หมดข้อครหา

หากศาลรัฐธรรมนูญเปิดห้องพิจารณาคดี เพื่อเรียกผู้ร้องผู้ถูกร้องและพยานบุคคลมาให้ถ้อยคำต่อศาล จะทำให้การวินิจฉัยคดียื้อเวลาออกไปอีกประมาณ 15-20 วัน เป็นเหมือนการซื้อเวลาให้พรรคก้าวไกลได้ไปตั้งหลักสู้ ทั้งในรูปแบบตั้งโต๊ะแถลงข่าวตอบโต้ เปิดสงครามข้อมูลข่าวสารทางโซเซียลมิเดียซึ่งงานที่พรรคก้าวไกลถนัด แน่นอนย่อมจะพูดหรือให้ข้อมูลในทางบวกต่อตัวเองเพื่อให้พ้นผิดหรืออาจนำแนวร่วมมากดดันนอกศาลก็ย่อมได้

ประเด็นที่จ้องขย่ม อาทิ อ้างว่า ส.ส.ย่อมมีอำนาจในการเสนอแก้ไขร่างกฎหมายเข้าสภาได้โดยเฉพาะมาตรา 112 สารตั้งต้นทำให้ก้าวไกลถูกยุบพรรค ดังเช่นที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาพูดว่า กฎหมายไม่ได้ส่งแฟกซ์มาจากพระเจ้าทำไมมนุษย์จะแก้ไม่ได้ หรือ คำกล่าวของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้งัดวาทกรรม นิติสงครามมาขู่ขวัญว่า ยิ่งยุบยิ่งโต ตายสิบเกิดแสน หรือ ล่าสุดที่ นายพิธา กล่าวเชิงโอ้อวดกลางสภาวานก่อนว่า ยิ่งยุบ ยิ่งทำให้เราไปถึงเส้นชัยได้เร็วมากขึ้น หรือ ที่พูดว่าคดียุบพรรคเป็นการติดเทอร์โบ ทำให้พรรคที่ถูกยุบได้แต้มต่อทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า หรืออาจยืมมือเอ็นจีโอที่เป็นองค์กรระหว่างประเทศ อย่างเช่น รัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน เคยออกแถลงการณ์กล่าวหาว่าคดีดังกล่าวเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่เคารพ 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล

ดังนั้นพรรคก้าวไกลวางแผนสูงหวังให้ศาลรัฐธรรมนูญทดเวลาบาดเจ็บให้ได้มีเวลาตั้งหลักสูง ชิงพื้นที่สื่อถล่มศาลและให้ข่าวที่เป็นคุณกับตัวเอง ซื้อเวลายุบพรรคไปหาร่างทรงใหม่ และ ปั่นกระแสยิ่งยุบยิ่งโตเท่านั้นเอง