ขาประจำจ้องจับผิด “ทักษิณ” “เทพไท” ติง “อุ๊งอิ๊ง” ชอบเปิดประเด็นให้สังคมวิจารณ์ “ป้ามล” แซะใครเงินอำนาจทำระบบรวน

“เทพไท” สะกิด “อุ๊งอิ๊ง” ยังอ่อนประสบการณ์โดยเฉพาะประเด็นพ่อแสดงความเห็นต่อสาธารณะต้องระวัง

นายเทพไท กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่า คุณอุ๊งอิ๊งยังมีวุฒิภาวะและประสบการณ์ทางการเมืองไม่เพียงพอ ที่จะเป็นผู้นำทางการเมืองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะชน มักจะเป็นประเด็นให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งคำถามกลับหลายครั้ง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับคุณทักษิณ คุณอุ๊งอิ๊งได้แสดงออกถึงวุฒิภาวะการให้ข่าวต่อสื่อมวลชน อยู่อย่างน้อย 3 ครั้ง กล่าวคือ

ครั้งที่ 1 ตอนที่คุณทักษิณ ได้รับการผ่าตัดที่ไหล่และรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ คุณอุ๊งอิ๊งได้ไปเยี่ยม เมื่อกลับออกมาถูกนักข่าวสอบถามว่า อาการของคุณทักษิณเป็นอย่างไรบ้าง คุณอุ๊งอิ๊งตอบว่าอยู่ระหว่างการพักฟื้น ซึ่งในข้อเท็จจริงผู้ป่วยที่เป็นนักโทษ ถ้าจะต้องพักฟื้น จะต้องกลับเข้าไปพักฟื้น ที่โรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จนทำให้มีเกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง

ครั้งที่ 2 หลังจากที่คุณทักษิณได้รับการพักโทษ ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เมื่อกลับมาถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า ได้ออกมานั่งพักผ่อนที่ริมสระน้ำ คุณอุ๊งอิ๊ง ได้ถ่ายภาพของคุณทักษิณและโพสต์ใน Instagram โชว์สภาพร่างกายของคุณทักษิณ ที่อยู่ในสภาพที่ไม่ใช่ผู้ป่วยหนักมาก่อน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อาการป่วยของคุณทักษิณ มีการใช้ภาพที่ปรากฏ สืบอาการป่วยจากภาพ จับผิดว่าเป็นผู้ป่วยหนักจริงหรือไม่

ครั้งที่ 3 วันที่ 8 เมษายน 2567 คุณอุ๊งอิ๊งได้โพสต์ภาพคุณทักษิณ ลง Instagram ในอริยะบทเล่นน้ำกับหลานๆในสระน้ำ เพื่อต้องการสื่อให้เห็นว่าคุณทักษิณกลับมาเลี้ยงหลานจริง ไม่เป็นไปตามที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันว่า มาเพื่อทำงานทางการเมือง แต่ในมุมกลับภาพของคุณทักษิณกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานกับหลานๆ มือได้ถือดัมเบลด้วย จนเกิดการจับผิดถึงแผลผ่าตัดที่ไหล่ และการออกกำลังกายโดยยกดัมเบล แม้ว่าจะมีการแก้ตัวว่าเป็นดัมเบลฟองน้ำ เพื่อใช้สำหรับกาาทำกายภาพในสระน้ำก็ตาม แต่สังคมเกิดข้อสงสัยในอาการป่วยของคุณทักษิณที่ผ่านมา

ซึ่งปรากฏการณ์ทั้ง 3 ครั้ง ที่ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณในทางลบ ล้วนมาจากคุณอุ๊งอิ๊งทั้งสิ้น จะมาโอดครวญว่ามีแต่คนจ้องจับผิดนั้น ก็ไม่ถูกต้อง เพราะคุณทักษิณเป็นบุคคลเป้าหมายที่สังคมต้องการรู้ความจริง แต่ถ้าคุณอุ๊งอิ๊งไม่เปิดประเด็น หรือเผยแพร่ภาพเหล่านี้ ก็จะไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ให้เป็นประเด็นข่าวแต่อย่างใด

แต่เมื่อคุณอุ๊งอิ๊งยืนยันจะโพสต์ภาพและข้อความเกี่ยวกับคุณทักษิณต่อไป ก็เป็นการดี ที่นำภาพคุณทักษิณมาเปิดเผยแบบเย้ยฟ้า ท้าดิน ไม่แคร์ความรู้สึกของสังคมแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะยึดคำพูดของคนทักษิณที่บอกกับผู้เห็นต่างว่า ต่างคนต่างอยู่ ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกัน โดยลืมไปว่า คุณทักษิณคือบุคคลสาธารณะ ประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ เป็นประเด็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายของบ้านเมือง เป็นหลักนิติรัฐนิติธรรม ที่ต้องรักษาไว้ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเฉพาะคุณทักษิณกับครอบครัวเท่านั้น

“อุ๊งอิ๊ง” ย้ำดัมเบลฟองน้ำที่แพทย์แนะนำให้พ่อใช้ออกกำลังกายในน้ำ

ทั้งนี้จากกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นภาพขณะนายทักษิณ เล่นน้ำกับหลานๆ และกำลังยกดัมเบลด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมระบุข้อความว่า “วันหยุด ณ บ้าน ตาตา สนุกสนานไม่อยากกลับกันเลยยจนมีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ สำหรับอาการป่วยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ป่วยจริง

ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ได้ตอบถึงประเด็นนี้ว่า กรณีได้โพสต์ภาพนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ในสระว่ายน้ำ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งกำลังยกดัมเบล ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอาการป่วย นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า มันเป็นดัมเบลฟองน้ำ ที่แพทย์ได้แนะนำให้ใช้ในการออกกำลังกายในน้ำ ซึ่งมีดัมเบลและสายห่วงขนาดเล็กสีฟ้า เพราะนายทักษิณผ่าตัดไหล่มา ซึ่งนี่จะเป็นอันหนึ่งที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อกลับมาได้ แต่ไม่ได้เป็นการว่ายน้ำเยอะๆ เป็นเพียงการเดินออกกำลังกายในน้ำ โดยใช้ดัมเบลฟองน้ำ คงไม่มีใครนำดัมเบลเหล็กลงน้ำ เพราะมันจะจม ลูกตนก็ใช้ดัมเบลฟองน้ำเล่นน้ำ เพราะยังว่ายน้ำไม่เป็นอายุเพียงแค่สามขวบ คุณตาก็จะให้หนีบด้านข้างแล้วก็ว่ายไป และคุณตาก็จะเดินตาม เพื่อที่จะได้บริหารกล้ามเนื้อไปด้วย

“อิงค์ ไม่คิดว่าคนจะเชื่อว่าเป็นดัมเบลเหล็ก เพราะมันก็คือฟองน้ำสีฟ้าๆ เค้าอาจจะไม่ได้ซูมหรือเปล่า เพราะตอนที่อิงค์ลง ก็ไม่ทราบจริงๆว่าคนจะคิดว่าเป็นดัมเบลเหล็กได้ด้วย ก็เลยบอกก็ได้ว่าเป็นฟองน้ำจะได้ชัดเจนขึ้น ” นางสาวแพทองธารกล่าว