นายกฯเยอรมนีเดินทางเยือนจีน 3 วัน เดินหน้ากระชับสัมพันธ์เศรษฐกิจ ท่ามกลางกระแสกีดกันสินค้าจีนของพันธมิตรอย่างสหรัฐและอียู
นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนีเดินทางถึงจีนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเครื่องลงจอดในเมืองฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีและนักธุรกิจจำนวนมาก จากนั้นเขาได้เข้าเยี่ยมบริษัท Bosch Hydrogen Powertrain Systems ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนจีน-เยอรมันในเขตเทศบาลเมืองฉงชิ่งเป็นที่แรก
การเยือนครั้งนี้ คาดว่า ชอลซ์จะเน้นย้ำว่า เยอรมนียังคงมุ่งมั่นที่จะทำการค้ากับจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และปฏิเสธข้อเรียกร้องที่นำโดยสหรัฐ สำหรับการออกห่างจากจีน ชอลซ์กล่าวกับนักข่าวเมื่อวันศุกร์ว่า จีนยังคงเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญมาก และเขาจะพยายามยกระดับการแข่งขันของผู้ประกอบการเยอรมันในจีน
ส่วนในด้านภูมิรัฐศาสตร์ ชอลซ์จะใช้การเยือนของเขา เพื่อโน้มน้าวประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ให้ใช้อิทธิพลของตน พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ให้ช่วยยุติสงครามในยูเครน
การเยือนจีน 3 วันในครั้งนี้ ชอลซ์จะไปยังเมืองฉงชิ่ง เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง และถือเป็นการเดินทางครั้งที่สองของเขา นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยการเยือนครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งครั้งนั้น เขาถือเป็นผู้นำกลุ่มจี 7 คนแรกที่เยือนจีน หลังจบโควิดระบาด
ขณะนี้ชอลซ์ต้องเผชิญกับการรักษาสมดุลที่ยากลำบาก ในระหว่างที่พันธมิตรตะวันตกของเยอรมนีเผชิญหน้ากับจีนในประเด็นทางการค้าหลายประการ โดยอียูกำลังทำการสอบสวนการอุดหนุนของรัฐบาลจีน ที่ให้การช่วยเหลืออุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่แผงโซลาร์เซลล์ รถอีวี และกังหันลม ซึ่งทำให้บริษัทจีนมีความได้เปรียบเหนือผู้ประกอบการในยุโรป ส่วนสหรัฐกำลังสืบสวนความเสี่ยงด้านความมั่นคง ที่เกิดจากเทคโนโลยีรถอีวีจีน ซึ่งการกระชับสัมพันธ์กับจีนของเยอรมนีในครั้งนี้ เสี่ยงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งกับพันธมิตรตะวันตก