ดร.ร็อกแซน ฟาร์แมนฟาร์มาเอียน ผู้อำนวยการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการศึกษาระดับโลกที่สถาบันการศึกษาต่อเนื่อง และอาจารย์การเมืองและการศึกษาระหว่างประเทศ แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ของอังกฤษ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AFP ถึงกรณีที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลใน 1 วันว่า สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้ก็คือ มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า แล้วก็ยังได้เตือนอิสราเอลและสหรัฐ ให้ทราบล่วงหน้าอีกด้วยว่า จะเกิดขึ้นตอนไหน จนสามารถเตรียมตัวได้ ซึ่งเป็นการออกแบบมาในลักษณะที่จะให้เกิดผลกระทบแบบเชิงสัญลักษณ์ ที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด
ฟาร์แมนฟาร์มาเอียนกล่าวต่อว่า ที่สำคัญคือ มันประสบความสำเร็จในแง่ของการเป็นที่สนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อมวลชน กับการขจัดจุดสนใจของสื่อ ที่เอาแต่ไปทำข่าวความอดอยากและสงครามในฉนวนกาซา รวมถึงความสูญเสียต่างๆที่เกิดขึ้นที่นั่น ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ตนคิดว่า อิสราเอลวางแผนจะให้เป็นเช่นนี้อย่างมาก เพราะอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คิดไปทางนี้ได้นั่นคือ เมื่อปฏิบัติการของอิหร่านสิ้นสุดลง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ได้ติดต่อกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล เพื่อบอกว่า เนทันยาฮูได้รับชัยชนะแล้ว นี่คือสิ่งที่ตั้งใจไว้อย่างแน่นอน ดังนั้น มันก็อาจบานปลายขึ้นได้ หากอิสราเอลตอบโต้ไปอีกขั้นหนึ่ง และนั่นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ไบเดนแสดงความกังวล จนบอกออกไปว่า จะไม่สนับสนุนอิสราเอลหากดำเนินการขั้นต่อไป
ฟาร์แมนฟาร์มาเอียนยังกล่าวอีกว่า มีอีกมิติที่เป็นเรื่องส่วนตัว นั่นคือเนทันยาฮูกำลังได้รับแรงกดดันอย่างมากจากคนในอิสราเอลว่า ปฏิบัติการทางทหารไม่ได้ช่วยเหลือตัวประกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนอิสราเอลสนใจ นอกจากนี้ หากสงครามสิ้นสุดลง เนทันยาฮูก็จะอาจจะต้องเผชิญกับการขึ้นศาล รวมถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่เขาไม่น่าจะชนะ ดังนั้น เนทันยาฮูจึงมีเหตุผลส่วนตัวทุกประการ ที่จะพยายามให้สงครามยืดเยื้อ ทั้งในฉนวนกาซาและที่อื่นๆ และต้องการให้สงครามขยายออกไปยิ่งขึ้น