หมดเนื้อหมดตัว เกิดเหตุเพลิงไหม้ร้านค้ากลางดึก ในตลาดสดเทศบาลรัตนบุรี วอดกว่า 60 คูหา คาดเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

สุรินทร์ – หมดเนื้อหมดตัว เกิดเหตุเพลิงไหม้ร้านค้ากลางดึก ในตลาดสดเทศบาลรัตนบุรี วอดกว่า 60 คูหา คาดเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ระดมรถดับเพลิงกว่า 30 คัน จากทุกอำเภอเร่งควบคุมเพลิง ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา  22.15 น. ของวันที่ ( 16 เมษายน 2567 ) ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่บริเวณตลาดสดเทศบาลรัตนบุรี ถนนศรีนคร อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ โดยต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บริเวณร้านขายผลไม้ ติดกับร้านขายของชำเบ็ดเตล็ด หัวมุมสี่แยก ถนนศรีนคร ตัดกับ ถนนศรีรัตน์ โดยเพลิงได้โหมไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ซึ่งปลูกติดกันเป็นห้องแถวหลายคูหา ยาวหลายสิบห้องติดต่อกัน ไปจนถึงหน้าตลาดสดเทศบาลรัตนบุรี ซึ่งมีทั้งร้านขายยา ร้านทอง และร้านขายของเบ็ดเตล็ด

โดยมีรถดับเพลิงจากตำบลใกล้เคียง จำนวน 5 คันเร่งฉีดน้ำควบคุมเพลิง แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ เนื่องจากสถาพที่เกิดเหตุเป็นอาคารไม้ทั้งหมด ประกอบกับมีลมแรง เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานขอรถดับเพลิงสนับสนุนจากอำเภอต่างๆอีกเป็นจำนวนมากกว่า 30 คันมาช่วยดับเพลิง พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมา นายกิตติ สัตย์ซื่อ ปลัดจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมาพักอยู่บ้านที่อำเภอรัตนบุรี ช่วงเทษกาลสงกรานต์พอดี ก็ได้ออกมาควบคุมอำนวยการดับเพลิงด้วยตนเอง พร้อมกับ นายตวงอัฐ บุตรวิชา นายอำเภอรัตนบุรี และ พ.ต.อ.ธีระศักดิ์ เจริญศรี ผกก. สภ.รัตนบุรี  พ.ต.ท.ธนรัฐ รอบรู้ รอง ผกก.ปราบปราม สภ.รัตนบุรี  พ.ต.ท.อิทธิพล กระจายศรี สว.(สอบสวน)สภ.รัตนบุรี และกำลังจากหน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดอำเภอรัตนบุรี หน่วยกู้ภัยสว่างบุรีรัมย์ และหน่วยผจญเพลิงจากจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมรถดับเพลิง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 100 นาย โดยได้สั่งการให้รถดับเพลิงเข้าสกัดหัวท้ายของเพลิง เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามข้ามไปอีกฝั่ง แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้ ทำให้เพลิงลุกข้ามไปไหม้อาคารพานิชย์ 3 ชั้นที่อยู่ตรงข้างเพิ่มอีก 8 คูหา สถานการณ์ค่อนข้างจะวุ่นวาย เพราะรถดับเพลิงต่างน้ำหมด ต้องวิ่งไปเติมน้ำที่การประปาอำเภอรัตนบุรี ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กม. ทำให้การดับเพลิงเป็นไปอย่าลำบาก ซึ่งภายในตลาดสดเทศบาลรัตนบุรี ไม่มีท่อน้ำสำหรับใช้ดับเพลิง ซึ่งปกติในเขตเทศบาลควรจะต้องมีประจำไว้เป็นระยะๆ

 

 

 

 

จนเมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ( เที่ยงคืนกว่า ) ก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ต้องระดมรถดับเพลิงจากในตัวจังหวัดสุรินทร์มาช่วยอีก โดยเพลิงได้ไหว้อาคารวอดไปแล้วกว่า 60 คูหา เบื้องต้นค่าเสียหายค่าดว่าน่าจะประมาณ 100 ล้านบาก เนื่องบริเวณนี้เป็นย่านธุรกิจใจกลางอำเภอ มีทั้งร้านทอง ร้านจำหน่ายผ้าไหมชื่อดัง ร้านขายยา และร้านค้าเบ็ดเตล็ดจำนวนมาก ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังอยู่ในระหว่างสอบสวน เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

 

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 03.00 น. ( 17 เม.ย. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้ในวงจำกัด และได้มีการเรียกประชุมวางแผนในการควบคุมเพลิงกันใหม่ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปในทางเดียวกันในการเข้าดับเพลิงที่ยังคงคุกรุ่นอยู่หลายจุด โดยเฉพาะในอาคารพานิช 3 ชั้น จำนวน 8 คูหาที่อยู่ตรงข้าวมกันจุดต้นเพลิง ซึ่งอาคารเริ่มมีการทรุดตัว จึงต้องใช้ความระมัดระวัง และมีการปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปในตัวอาคารแล้ว

โดยผู้สื่อข่าวได้เข้าสำรวจบริเวณจุดหน้าตลาดสดเทศบาลรัตนบุรี ซึ่งมีร้านทองและร้านขายผ้าไหม ซึ่งเป็นร้านขายผ้าไหมที่ขึ้นชื่อของอำเภอรัตนบุรี ปรากฏว่าผู้เพลิงไหม้เสียหายเป็นจำนวนมาก โดยได้พบกับ นายวีรวุฒิ ครุฑสุวรรณ  ประธาน OTOP และ ผู้จัดการร้านครุฑสุวรรณ ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายผ้าไหมชื่อดังของอำเภอรัตนบุถรี ที่ถูกเพลิงไหม้ ได้กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนนอนอยู่บนบ้าน และมีไฟฟ้าดับ จึงได้มองออกไปดูทางหน้าต่าง ก็พบว่ามีเปลวเพลิงเกิดขึ้น จึงได้รีบพากันออกจากบ้าน โดยพาเอาคนแก่และเด็กออกมาก่อน แล้วก็ช่วยกันขนของออก แต่เนื่องจากเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วมาก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นอาคารไม้ที่อยู่ติดกัน แต่ก็ขนของออกมาได้เพียงบางส่วน บางส่วนซึ่งเป็นผ้าไหมราคาแพงไม่สามารถเอาออกมาได้ทัน จึงถูกเพลิงไหม้ไปทั้งหมด ค่าเสียหายตอนนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้

 

 

 

 

 

 

และผู้สื่อข่าวก็ยังได้พบกับเจ้าของร้านค้า ที่ไปพักออาศัยอยู่ที่อื่น เมื่อทราบเหตุก็ได้เดินทางมาดูร้านค้าของตน แต่ก็ไม่สามารถนำทรัพย์สินใดๆออกมาได้ เพระเพลิงได้เผาไปหมดแล้ว ก็ได้แต่ยืนร้องไห้กอดคอกัน เป็นที่น่าสลดใจกับยผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

จากการสอบถามชาวบ้านที่พอจะทราบเหตุการณ์ ก็ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้มีการจัดงานสงกรานต์วันไหลขึ้นที่บริเวณหน้าวัดกลาง ซึ่งอยู่ห่างจะจุดเกิดเหตุไปประมาณ 300 เมตร และมีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกัน และมีการวิ่งไล่กันมาหลบอยู่ในบริเวณจุดต้นเพลิง จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังปังเหมือนเสียงประทัดเกิดขึ้น จากนั้นไม่นานก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณนั้นอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งในตอนรุ่งเช้า สำหรับเหตุการณ์นี้ เบื้องต้นจากการสำรวจพบเพลิงได้ไหว้อาคารวอดไปแล้วกว่า 60 คูหา ค่าเสียหายคาดว่าน่าจะประมาณ 100 ล้านบาก ซึ่งจะได้ทำการสำรวจและประเมินอีกครั้งในตอนรุ่งเช้าวันนี้

รายละเอียดคืบหน้า ผู้สื่อข่าวจะรายงานมาให้ทราบอีกครั้ง.

 

 

 

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว ชูชัย ดำรงสันติสุข ศูนย์ข่าวภูมิภาค TOP NEWS ภาคอีสาน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ฮูตีเคลมผลงาน F/A-18 โดนสอยร่วงทะเลแดง
สื่อทำเนียบฯ จัดเต็มฉายาครม.ปี 67 "รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง" นายกฯท่องโพย วาทะแห่งปี "สามีคนใต้"
“ว้าแดง”เหิมหนัก! สั่งคนไทยห้ามเก็บของป่า ชาวบ้านผวา-ซ้อมอพยพถี่ยิบ
เมีย-แม่ยาย หอบเงินล้าน บุกติดสินบนตำรวจ ช่วยผัวค้าเฮโรอีน สุดท้ายถูกซ้อนแผนโดนรวบตัว
ไทยตอนบนอากาศยังหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศา ใต้เจอฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม. มีหมอกบางตอนเช้า ร้อนสุด 31 องศา
ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น