“พิชัย”หวดหนัก”ธปท.”ฝืนทิศทางศก.คงอัตราดอกเบี้ย อ้างเสถียรภาพการเงิน ไม่สอดรับเพิ่มรายได้ปชช.เลี้ยงชีพ Top News รายงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
หลังจากออกมาให้ความเห็นหลายครั้ง เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้วยเหตุผลเพราะเศรษฐกิจไทย ยังขยายตัวต่ำมากตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา และเศรษฐกิจไตรมาส 1 ปี 2567 มีแนวโน้มอาจขยายตัวแย่กว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ไม่นับรวมสถานการณ์เงินเฟ้อของไทยที่เป็นไปได้จะติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6
ล่าสุดนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์และการเมืองพรรคเพื่อไทย และ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นอีกครั้ง ว่า รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากที่ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติไม่ลดดอกเบี้ยนนโยบาย ทั้งที่สภาวะเศรษฐกิจของไทยกำลังย่ำแย่ จีดีพีในไตรมาสแรกของปีนี้จะออกมาไม่ดี และจะทำให้ต้องมีการปรับลดอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจทั้งปีลดลง
“เศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีที่แล้วต่ำกว่าไตรมาส 3 แล้ว และเงินเฟ้อติดลบ 6 เดือนติดกัน ทำประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเงินฝืดทางเทคนิคแล้ว แม้แบงก์ชาติจะอ้างว่าตั้งแต่พฤษภาคมปีนี้เงินเฟ้อจะดีขึ้น ซึ่งก็เพราะตั้งแต่พฤษภาคมปี 66 ที่ผ่านมา เงินเฟ้อไทยก็เริ่มย่ำแย่แล้วที่ 0.53% และก็อยู่ระดับต่ำมาตลอดจนกระทั่งติดลบในเดือนตุลาคมที่ – 0.31% และติดลบต่อเนื่องมาอีก 6 เดือน ดังนั้นถ้าครึ่งปีหลังเงินเฟ้อจะดีขึ้นก็เพราะปีที่แล้วเงินเฟ้อตั้งแต่พฤษภาคมก็ย่ำแย่อยู่แล้วไม่ได้แปลว่าสภาวะดีขึ้น”
นายพิชัย ระบุด้วยว่า การที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อ้างว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายที่ 2.6% และ ปีหน้าจะขยายได้ 3% เป็นที่น่าพอใจ
ทำให้สงสัยว่าการชี้เป้าหมายขยายตัวทางเศรษฐกิจ น่าจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการกำหนดมากกว่า ธปท. รวมถึงการกำหนดและส่งสัญญาณว่าพอใจหรือไม่พอใจใช่หรือไม่ ไม่น่าจะใช่บทบาทของธปท.
“การกำหนดทิศทางขยายตัวทางเศรษฐกิจ น่าจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะกำหนดมากกว่า ธปท.จะมากำหนดและจะบอกว่าพอใจหรือไม่พอใจใช่หรือไม่ แต่ธปท. ควรจะต้องดำเนินนโยบายทางการเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางรัฐบาลมากกว่าที่จะตัดสินเองว่าเศรษฐกิจขยายตัวขนาดไหนถึงเหมาะสม เพราะรัฐบาลอยากให้เศรษฐกิจขยายตัวให้ได้ 5% ตามศักยภาพที่น่าจะทำได้ แต่ ธปท. กลับเห็นว่าศักยภาพไทยอยู่เพียง 3% หรือลดศักยภาพไทยลงมาซึ่งไม่ตรงกับแนวทางของรัฐบาล และหากเป็นแบบนี้ไทยจะไม่สามารถเป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้เลย เพราะขนาดขยายตัวปีละ 5 % ประเทศไทยต้องเวลาถึงประมาณ 20 ปีถึงจะเป็นประเทศรายได้สูงได้ ถ้าขยายตัวปีละ 2-3 % คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นประเทศรายได้สูง และการปรับโครงสร้างดอกเบี้ยทั้งการลดดอกเบี้ยนโยบายและการลดช่วงห่างของดอกเบี้ยเงินกู้เงินฝาก (NIM) จะเป็นการปรับโครงสร้างของประเทศตามที่ ธปท. แนะนำเองด้วย”
นายพิชัย ระบุด้วยว่า ในหลายประเทศที่ธนาคารกลางเป็นอิสระ แต่ต้องทำงานสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล หรืออาจจะขัดกันได้บ้างในบางเรื่องแต่ไม่ใช่เรื่องหลัก หรือเรื่องที่เป็นนโยบาย โดยยืดประโยชน์ของประเทศและการกินดีอยู่ดีของประชาขนเป็นหลัก หากจะยึดความเป็นอิสระโดยไม่ได้มองเห็นประโยชน์ของประเทศและความเดือดร้อนของประชาชน ทำให้สงสัยว่าธนาคารกลางยังควรจะเป็นอิสระต่อไปอีกหรือไม่ และควรต้องขึ้นกับรัฐบาลหรือไม่ เพราะจะได้ทำงานสอดคล้องกัน อย่างเช่นประเทศจีน ที่ธนาคารกลางประเทศจีนคงไม่ขวางแนวทางของรัฐบาลจีน เศรษฐกิจจีนก็ขยายตัวได้ดีมาตลอด หรือแม้กระทั่งประเทศสิงค์โปร์ที่เป็นประเทศรายได้สูงแล้วก็เป็นเช่นกัน
ดังนั้นจึงอยากให้ ธปท. ได้ตั้งหลักคิดใหม่โดยยึดประโยชน์ของประเทศและความสุขประชาชนเป็นหลัก อย่าเพียงคิดแค่เพียงว่าเป็นอิสระแต่ประชาชนเดือดร้อนและเศรษฐกิจไทยไม่ได้ขยายตัวไปถึงไหนเลย
“เสถียรภาพทางการเงินที่ ธปท.ชอบอ้างถึง แต่ถ้าหากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำมาตลอดเป็นเวลานาน ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ สุดท้ายปัญหาทางสังคมจะตามมาโดยเฉพาะอาชญากรรม การจี้ ปล้น เรียกค่าไถ่ ฯลฯ เหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศในอเมริกาใต้ เมื่อถึงตอนนั้นเสถียรภาพก็จะไม่เกิด จะมีแต่ปัญหาทางเศรษฐกิจและอาชญกรรมตามมา ดังนั้นจึงอยากให้ ธปท. พิจารณาให้ครบทุกด้านอย่าเพียงอ้างเพียงกรอบคิดเดียวหรือเป็นอิสระอย่างเดียว ปัญหามากมายจะเกิดขึ้นตามมาได้ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นการขยายตัวเศรษฐกิจที่สูงจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น