ขณะนี้ รัฐบาลยูเครนกำลังเจรจาสนธิสัญญาหลายฉบับที่มีจุดประสงค์ เพื่อผนึกแนวร่วมการสนับสนุนจากตะวันตก จนกว่าจะได้รับการเป็นสมาชิกของนาโตอย่างสมบูรณ์ โดยข้อตกลงดังกล่าวนั้น จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการได้รับความช่วยเหลือทางทหารระยะยาว จากสหรัฐและพันธมิตร โดยไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่อาจกระตุ้นให้พันธมิตร ตัดความช่วยเหลือไปได้
และนับตั้งแต่ที่สหรัฐ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ได้ร่วมมือกับกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (หรือ IDF) เพื่อยิงขีปนาวุธและโดรนของอิหร่านบางส่วน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ก็ได้พยายามเรียกร้องให้สหรัฐและพันธมิตร ทำเช่นเดียวกันนี้กับยูเครน นอกจากนี้ นายอังเดร เยอร์มัค ที่ปรึกษาของเซเลนสกี ก็ได้โพสต์ลงสื่อโซเชียลมีเดียด้วยว่า ข้อตกลงระหว่างสหรัฐและยูเครน จะต้องได้ผลที่ไม่เลวร้ายไปกว่าบันทึกข้อตกลงของสหรัฐกับอิสราเอล ซึ่งประสิทธิผลของข้อตกลงนี้ ได้รับการยืนยันจากการกระทำร่วมกันของพันธมิตร ระหว่างการเบี่ยงเบนการโจมตีครั้งใหญ่ ที่อิหร่านมีต่ออิสราเอล
อย่างไรก็ดี ในเรื่องนี้ นายโจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ได้ตอบคำถามของนักข่าวหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปว่า ทั้ง 2 สถานการณ์เป็นสิ่งที่แตกต่างกันซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบได้ การโจมตีของอิหร่านบินผ่านฐานทัพอากาศของกองทัพฝรั่งเศส สหรัฐ สหราชอาณาจักร และจอร์แดน นั่นคือการทำหน้าที่ป้องกันตัว แต่ในดินแดนยูเครนหรือในดินแดนที่ขีปนาวุธรัสเซียบินผ่านนั้น ไม่มีฐานทัพอากาศของสหราชอาณาจักรหรือสหรัฐ หรือแม้แต่จอร์แดนเลย ดังนั้น จึงไม่สามารถให้คำตอบเดียวกันได้เพราะสถานการณ์ไม่เหมือนกัน
นอกจากนี้ นายเดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ได้เคยกล่าวถึงแนวโน้มของเรื่องนี้ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า ยูเครนไม่ควรคาดหวังว่าจะมีการแทรกแซงแบบที่อิสราเอลได้รับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพราะการทำให้กองกำลังนาโต ไปขัดแย้งโดยตรงกับกองกำลังรัสเซียนั้น ตนคิดว่า นั่นจะเป็นการยกระดับที่เป็นอันตราย ซึ่งแทนที่จะเป็นเครื่องบินตะวันตกเข้าไปจัดการนั้น ยูเครนควรได้รับระบบป้องกันภัยทางอากาศจะดีกว่า