ภารกิจสำเร็จ ย้ายตัว “ด.ต.ปิยนันท์” ถูกรถชนโคม่า มารักษาต่อรพ.ตำรวจ แพทย์อัปเดตอาการล่าสุด พร้อมเฝ้าระวังใกล้ชิด
Top News รายงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ด.ต.ปิยนันท์ สีเสื้อ หรือ ดาบต้าร์ อายุ 39 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล.ตำรวจทางหลวงลพบุรี (ประจำจุดอยู่หมวดทางหลวงดีลัง) กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรจุดเปิดเลนพิเศษบริเวณทางแยกบ้านดีลังถนนสาย 21 ขาล่อง (สระบุรี-หล่มสัก) หมู่ 4 ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ได้มีรถยนต์เก๋ง นิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กร 1405 สระบุรี ขับมาด้วยความเร็วพุ่งชน ด.ต.ปิยนันท์ จนร่างกระเด็น ศีรษะกระแทกพื้นจนเลือดไหลจำนวนมาก เบ้าตาขวาและใบหน้าเป็นแผลฉกรรจ์ อาการสาหัส
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้พยายามเคลื่อนย้าย ด.ต.ปิยนันท์ ส่งโรงพยาบาลตำรวจ โดยเฮลิคอปเตอร์กองบินตำรวจ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถนำส่งโรงพยาบาลตำรวจได้ เนื่องจาก ด.ต.ปิยนันท์ มีอาการชีพจรต่ำ และทนสภาพแรงกดอากาศไม่ไหว จากอาการสมองบวม ทำให้เฮลิคอปเตอร์ต้องวนมาลงจอดที่เดิม และมีการประเมินอาการผู้ป่วย รวมทั้งเปลี่ยนแผนที่จะนำตัวเข้ารักษาที่ รพ.ตำรวจ มาเป็น รพ.พระนารายณ์มหาราช อ.เมือง จ.ลพบุรีแทน
โดยวันนี้ (18 เม.ย.) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่จะได้นำตัว ด.ต.ปิยะนันท์ เคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาล ในเวลา 10.00 น. โดยเฟซบุ๊ก “อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูลพบุรีจุดนิคมสร้างตนเอง” ได้ขอโปรดหลีกทางให้รถฉุกเฉิน นำตัว “ด.ต.ปิยนันท์” ตำรวจทางหลวง ที่ประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วงสงกรานต์ ส่งตัวไปยัง รพ.ตำรวจ กทม. ออกจากโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช จว.ลพบุรี (ขบวนรถ 4 คัน) ออกต่างระดับสิงห์บุรีใต้ ไปทางถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าเข้า กทม. ขึ้นโทลล์เวย์ดอนเมือง (หน้าโรงกษาปณ์) ลง ถ.ดวงพิทักษ์ เข้าสู่ ถ.เพลินจิต ปลายทาง รพ.ตำรวจ
ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อเวลา 11.22 น. ที่โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้รับเข้ารับตัวด.ต.ปิยนันท์ สีเสื้อ หรือ ดาบต้าร์ อายุ 39 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล.ตำรวจทางหลวงลพบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมดำเนินการรักษาทางการแพทย์ต่อไป
ขณะที่ทางด้านนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีรายงานจากโรงพยาบาลต้นทางว่าขณะนี้ได้ทำการผ่าตัดสมองของผู้ป่วยและเจาะนำเลือดที่คลั่งอยู่ภายในสมองออกมาได้แล้ว แต่ยอมรับว่าผู้ป่วยยังมีอาการหนักต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด หลังจากนี้ทางโรงพยาบาลตำรวจจะต้องประเมินจากผลการประเมินการรักษาจากโรงพยาบาลต้นทางและการตรวจสภาพร่างกายของผู้ป่วยว่า จะต้องมีการผ่าตัดเพิ่มเติมอีกหรือไม่
เนื่องจากขณะนี้ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดซึ่งสิ่งที่ทีมแพทย์มีความเป็นห่วงมากที่สุดคือภาวะการบอบช้ำทางสมองที่ค่อนข้างรุนแรง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น