เช็คด่วน 7 อาการ ภาวะ "ซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว" คืออะไร เบื้องต้น 10 วิธีรับมือด้วยตนเอง เป็นนานแค่ไหน ควรปรึกษานักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์
ข่าวที่น่าสนใจ
“ซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว” ?
- อาการซึมเศร้า หลังวันหยุดยาว (Post-Vacation Depression หรือ Post-Vacation Blues) คือ ภาวะอารมณ์เศร้า ๆ หลังกลับจากการไปเที่ยวหรือหลังจากผ่านช่วงวันหยุดยาว ซึ่งเกิดจากการที่เราอนุญาตให้ตนเองมีเวลาแห่งความสุขในช่วงเวลาพิเศษ แล้วต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมกลับสู่วันธรรมดาที่ไม่สุขได้เท่าเวลาไปเที่ยว จึงทำให้เกิดความทุกข์ทรมานใจที่ต้องกลับไปใช้ชีวิตตามปกติในวันธรรมดา ความรู้สึกเศร้าแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอในบุคคลทั่วไป และไม่จัดว่าเป็นโรคป่วยทางจิตเวช
อาการ?
โรคซึมเศร้า หลังวันหยุดยาว มีลักษณะอาการดังต่อไปนี้
- หลังวันหยุดยาว จะรู้สึกไม่อยากทำงาน เบื่อหน่าย และมีอาการซึมเศร้า
- เกิดจากการที่ร่างกายเคยชินกับการพักผ่อนและไม่พร้อมที่จะกลับมาเริ่มต้น
- อาการนี้มักจะเกิดกับคนที่เบื่องานของตัวเองอยู่แล้ว
- ระดับความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับความเบื่อหน่ายที่มีอยู่เดิม
- อาการนี้จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง สมาธิลดลง หงุดหงิดง่าย อารมณ์เสีย ใจลอย
- ระยะของอาการจะเป็นอยู่ 2 – 3 วัน จากนั้นก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ
- สามารถพบได้ในทุกวัย ในกลุ่มคนที่มีความเบื่อหน่ายงานของตัวเอง
วิธีรับมือ “ซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว” ?
สำหรับวิธีรับมือกับภาวะซึมเศร้า หลังวันหยุดยาว สามารถทำได้ด้วยตนเอง ดังต่อไปนี้
- หาแรงจูงใจในการไปทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายความก้าวหน้าในการทำงาน เช่น การได้ขึ้นเงินเดือน โบนัส เป็นต้น
- การสร้างคุณค่าในการทำงาน มองหาข้อดีของการทำงาน เช่น มองหาว่าใครได้รับประโยชน์จากการทำงานหรือสิ่งที่สามารถทำประโยชน์ต่อคนอื่น หรืองานที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร
- ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน หากการทำงานในรูปแบบเดิม ๆ ซ้ำซากจำเจ ทำให้เบื่อการทำงาน ก็ลองเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้สร้างสรรค์มากขึ้น ได้ท้าทายตัวเองแล้วเกิดความคิดใหม่ ๆ อีกด้วย
- หาเพื่อนรู้ใจและทีมในการทำงาน หากการทำงานคนเดียวมันเหงา พาใจให้เฉา ก็ลองหาเพื่อนคู่หูในการทำงาน หรือสร้างทีมเพื่อทำงาน นอกจากงานเสร็จเร็วขึ้นแล้ว ยังลดโอกาสผิดพลาด มีความสร้างสรรค์ และสนุกกับการทำงานมากขึ้นด้วย
- อย่ามองข้ามภาวะหมดไฟในการทำงาน ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) ถูกองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดว่าเป็นอาการป่วยที่มีผลมาจากความเครียดเรื้อรังในสถานที่ทำงาน และควรได้รับการดูแลจากแพทย์ก่อนรุนแรงและคุกคามการใช้ชีวิต วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ เหนื่อยล้า หมดพลัง ชอบคิดลบต่อความสามารถของตนเอง ขาดความเชื่อมั่นในความสำเร็จ เจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานประเมินว่าเรามีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำงานได้ไม่เหมือนเดิม และที่พบบ่อยคือ ความสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานและคนรอบข้างแย่ลง
- อยู่กับปัจจุบัน หากการติดอยู่ในอดีต คิดถึงแต่ช่วงวันหยุดยาว ทำให้เป็นทุกข์ และอนาคต วันหยุดยาวรอบต่อไป ก็ยังมาไม่ถึง และอาจไม่แน่ไม่นอน ดังนั้น จึงควรอยู่กับปัจจุบัน วางแผนจดลิสต์การทำงานที่ต้องทำแบบวันต่อวัน นอกจากจะทำให้รู้ว่า มีอะไรที่ต้องทำบ้าง ยังทำให้เห็นว่า ทำอะไรเสร็จไปบ้างแล้ว
- ทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบ หลังจากพ้นวันหยุดยาวได้ 2 – 3 วัน จะเป็นช่วงที่หลายคนรู้สึกไม่อยากไปทำงานมากที่สุด จึงต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจในการปรับสภาพจิตใจในช่วงนี้มากพอสมควร เพื่อเบี่ยงเบนอารมณ์เศร้า ลองทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น เล่นเกม ดูซีรีส์ ฟังเพลง ทำอาหาร ปลูกต้นไม้ เล่นกับสัตว์เลี้ยง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ก็จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้
- ออกกำลังกายแก้เครียด ขณะที่เราออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอ็นโดรฟินให้เรามีความสุข ลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ และยังทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกด้วย
- กินอาหารที่ดี พักผ่อนให้เพียงพอ หากรู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้าจากการไปเที่ยวหลังวันหยุดยาว การกินอาหารที่ดี มีประโยชน์ อุดมด้วยโปรตีน มีไขมันน้อย เช่น ไก่ ปลา ไข่ไก่ ผักและผลไม้สด รวมถึงการนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมง จะช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น
- วางแผนจัดทริปเที่ยวครั้งต่อไป สำหรับใครที่เพิ่งกลับจากการไปเที่ยวหลังหยุดยาว การต้องกลับไปทำงานอาจเป็นเรื่องหดหู่ใจ โดยเฉพาะคนที่มีอาการหมดไฟ ดังนั้น การวางแผนจัดทริปเที่ยวครั้งต่อไปก็จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจเบี่ยงเบนอารมณ์เศร้าได้ โดยเริ่มจากวางแผนว่าจะไปที่ไหน ไปกี่วัน พักที่ไหน ทำกิจกรรมอะไรบ้าง พร้อมเตรียมตัวเก็บเงินสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป ด้วยการตั้งใจทำงานให้ดีเพื่อเป้าหมายที่วางไว้นั่นเอง
แม้อาการซึมเศร้า หลังวันหยุดยาว จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่รุนแรง แต่ส่งผลอย่างมากต่อทัศนคติและความรู้สึกที่มีต่อการทำงานและประสิทธิภาพต่อการทำงาน
หากปล่อยให้มีอาการซึมเศร้า เบื่อหน่ายต่อการทำงานเป็นเวลานาน ก็จะส่งผลกระทบต่อภาวะหมดไฟและความก้าวหน้าในการทำงาน จึงควรดูแลจิตใจตนเอง รับมือกับภาวะนี้อย่างเข้าใจ รวมทั้งใช้เทคนิคการดูแลสุขภาพจิตดังกล่าวข้างต้น ก็จะสามารถสร้างแรงจูงใจในการทำงานและทำให้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้ แต่ถ้าอาการซึมเศร้ายาวนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษานักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง