“ชาวบ้านปทุมฯ” เดือดร้อนหนัก “เกษตรกร” เดินหน้าจุดไฟ “เผาตอซังข้าว” ไม่เกรงกลัวกม.

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เคยเผยแพร่เอกสาร ให้ความรู้ เกี่ยวกับโทษของการ เผาหญ้าและเผาขยะ ตามพ.ร.บ. สาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 25 ,26,28 และ74 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ซึ่งระบุว่า การเผาหญ้า หรือเผาขยะ แม้จะเผาในที่ของตนเองก็ตาม แต่หากการกระทำดังกล่าว ทำให้เกิดเหตุรำคาญ เช่น กลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่นละออง เขม่า เถ้า หรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เจ้าพนักงานในท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้หยุดเผาได้ และเมื่อมีคำสั่งห้ามกรณีดังกล่าวได้ หากยังคงมีการกระทำดังกล่าว จะเป็นกรณีฝ่าฝืนตามมาตรา 28 ประกอบกับไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามมาตร 28 ผู้ซึ่งฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และการเผาดังกล่าวอาจเข้าข่ายคดีอาญาด้วย แม้เป็นการเผาทรัพย์ของตนเองก็ตามหากเป็นอันตรายต่อผู้อื่นและทรัพย์ของผู้อื่น ตามมาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้เป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท

ทั้งนี้หากจะพิจารณา ข้อกฎหมายจะพบว่า การฝ่าฝืนพ.ร.บ. ดังกล่าว จัดว่าเป็นการกระทำที่มีความผิดทั้งจำและปรับตามที่บัญญัติไว้ในพ.ร.บ.เองและอาจเข้าข่ายผิดกม.อาญา ซึ่งมีโทษจำและปรับสูงขึ้นไปอีก แต่ก็ยังมีการฝ่าฝืนกระทำอยู่ การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดเด็ดขาดตามกฎหมาย ของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ จึงน่าจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะช่วยป้องปรามได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งคงต้องจับตามอง ต่อไป