นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าว ภายหลัง จากที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจาก รมช.ช่วยเกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ว่าจะต้องมีการปรับโครงสร้างพรรคใหม่หรือไม่ ว่าคือเรื่องการเมืองปล่อยให้ผู้ใหญ่ ตัดสินใจเพราะว่าเราเป็นแค่สมาชิก เราก็ถือว่าเป็นนักการเมือง อยู่แล้วทุกคนทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง อยู่ตรงไหนเราก็ทำงานเพื่อประเทศชาติให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผล
ส่วนที่ร้อยเอกธรรมนัสให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อลาออกจากรัฐมนตรีช่วยแล้ว อาจจะลาออกจากความเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐด้วยนั้นนายสุชาติ ระบุว่า ไม่สามารถไปคิดแทนได้ แค่ทางการเมืองมองว่าทุกคนมีพื้นที่ ทุกคนมาจากเสียงของประชาชนทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามาเพื่อทำงานมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ มาเพราะพรรคพลังประชารัฐเสนอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี และมีหัวหน้าพรรคคือพลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ ซึ่งทั้งสองท่านถือเป็นศูนย์รวมของจิตใจของส.ส.และสมาชิกอยู่แล้วไม่มีประเด็นอะไร ส่วนการทำงานในภาพรวมของพรรคก็ต้องมีการหารือกันไม่มีอะไรทั้งนี้ไม่สามารถคิดข้ามช็อตในการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคได้ เนื่องจากส่วนตัวเป็นแค่กรรมการบริหารพรรคมีแค่ 1 เสียงต้องให้หัวหน้าพรรคสมาชิกและส.ส.เป็นคนตัดสินใจ
นายสุชาติเปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ได้พูดคุยกับเพื่อนส.ส.แล้ว ซึ่งทุกคนถือว่าอยู่ในพื้นฐานของการทำหน้าที่ ทำงานในสภา ซึ่งจากสถานการณ์ นี้จะทำให้สมาชิกพรรคพลังประชารัฐเกิดความเหนียวแน่นขึ้นหรือไม่นายสุชาติมองว่า ส่วนหนึ่งที่พรรคพลังประชารัฐ มีความเหนียวแน่นกันเพราะมีหัวหน้าพรรค ที่ทุกคนให้ความเคารพ ส่วนเลขาพรรค ก่อนหน้านี้มีนายอนุชา นาคาศัยเป็นเลขาพรรคฯ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ร้อยเอกธรรมนัส สมาชิกก็ยังเหมือนเดิม เพราะหัวหน้าพรรคยังเป็นคนเดิมคือพลเอกประวิตร ยอมรับว่าพรรคพลังประชารัฐอาจจะไม่เหมือนพรรคอื่น ที่ทุกคนมาเพราะดูเหมือนเป็นการตั้งพรรค ใหม่แต่มีระยะเวลา 2 ปี เกือบ 3 ปีแล้ว มีความแข็งแรงความสามัคคี ความเข้มแข็งก็มีมากขึ้น เพราะทุกคนรู้บทบาทหน้าที่ ส.ส.ใหม่เกิดขึ้น ผสมผสานกับส.ส.เก่า เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไรเพราะทุกคนมาอยู่พรรคนี้ คือ พรรคเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ คิดว่าไม่มีอะไรเพราะการเมืองก็ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือน กับการเปลี่ยนผู้บริหารบริษัท การจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างพรรคนั้นขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคและตนไม่ทราบเพราะยังไม่ถึงเวลา เป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารพรรคก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว มั่นใจไม่มีเอฟเฟคแรงกระเพื่อมอะไรตามมาหลังจากนี้ประเด็นเรื่องร้อยเอกธรรมนัสและนางนฤมล ซึ่งโดยภาพรวมแล้วทุกคนมีความสนิทสนมกันก็จริง ทุกคนรักกันดีอยู่แล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องมีกลุ่มนี้กวนอะไร ซึ่งตนเองอยู่ภาคกลางก็มีเพื่อนอยู่ภาคกลาง และทุกคนฟังนโยบายพรรคและเคารพหัวหน้าพรรค
แต่ถ้าเราอยู่ในพรรคไม่เคารพหัวหน้าพรรคไม่ฟังกันมันก็อยู่ร่วมกันไม่ได้
ทั้งนี้ นายสุชาติ ไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่าเรื่องดังกล่าว เป็นบทเรียนให้กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่เนื่องจากมองแค่ส่วนตัวและไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องนี้ และ พร้อม เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ ระหว่างนายกรัฐมนตรีและส.ส. ไม่ได้ห่างเหินกันเนื่องจากนายกทำงานหนักมาก และหากมีอะไรนายกรัฐมนตรี ก็คุยกับหัวหน้าพรรคโดยตรงอยู่แล้ว เป็นไปในทิศทางเดียวกันหมดอยู่แล้ว ส่วนตัวยังยอมรับว่าแม้แค่เป็นรัฐมนตรียังมีเวลาน้อยและทำงานจนเหนื่อยอาจจะไม่มีเวลาพูดคุยกับเพื่อนส.ส.ด้วยซ้ำ
นายสุชาติ มั่นใจว่าในพรรคพลังประชารัฐต่างจากนี้จะไม่มีแรงกระเพื่อมที่น่ากังวล เนื่องจากว่า ทุกคนที่มาอยู่พรรคพลังประชารัฐมาเพราะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไม่ได้มาเพราะร้อยเอกธรรมนัส ส่วนจะมี เอฟเฟค หรืออาฟเตอร์ช็อกหลังจากนี้หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ก็รอดูรอเวลา